ภาพและบทความจาก สมาคมนิยมอาวุธรัสเซีย Russia military fanclub. |
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมากองทัพรัสเซียได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในปี 2013 กองทัพรัสเซียได้นำอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆจำนวนหลายรายการเข้าประจำการในกองทัพไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินรบเกือบร้อยลำ เฮลิคอปเตอร์มากกว่า 100 ลำ เรือรบและเรือดำน้ำมากกว่า 10 รายการ รถหุ้มเกราะรุ่นใหม่และรถถังที่ได้รับการปรับปรุงหลายร้อยรายการ รวมทั้งขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์และขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศรุ่นใหม่อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งนอกจากการนำอาวุธรุ่นใหม่เข้าประจำการในกองทัพแล้วรัสเซียยังได้ประสบความสำเร็จในนโยบายความมั่นคงที่เกี่ยวกับต่างประเทศ เช่นการบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับคาซัคสถานและเบลารุส การเพิ่มฝูงบินในคีร์กีซสถาน การเพิ่มกำลังทหารในอาร์เมเนีย ซึ่งคาดว่าในเร็วๆนี้การเจรจาข้อตกลงในการสร้างระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบครบวงจรร่วมกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคที่อยู่ในกลุ่มเครือรัฐอิสระ (CSI) จะบรรลุผลสำเร็จ และนอกจากนี้ในปีที่ผ่านมารัสเซียยังได้มีการซ้อมรบที่สำคัญอีกหลายรายการ ไม่รวมกับโครงการวิจัยและพัฒนาอาวุธทั้งโครงการที่พัฒนาอย่างเปิดเผยและโครงการลับอีกหลายสิบโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
งบประมาณทางทหารของรัสเซียในสามปีที่ผ่านมาจนถึงปี 2014 ได้เพิ่มสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์นับแต่สหภาพโซเวียตล่มสลายและมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
สามปีที่ผ่านมารัสเซียได้ใช้จ่ายเงินในการพัฒนากองทัพเป็นจำนวน 12.7 ล้านล้านรูเบิล (สี่แสนล้านดอลลาร์) มากกว่าค่าใช้จ่ายสูงสุดที่ผ่านมา 60% และจนถึงปี 2016 ค่าใช้จ่ายทางทหารทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่มูลค่า 106.4 ล้านดอลลาร์
ดังนั้นงบประมาณทางทหารของรัสเซียจะเท่ากับของจีนซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายทางทหารที่มากเป็นอันดับที่สองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา
รายการจัดซื้ออาวุธส่วนหนึ่งที่เป็นทางการของกองทัพรัสเซียในอีก 6 ปีข้างหน้า
-ซื้อเครื่องบินรบจำนวน 600 ลำ ซึ่งปัจจุบันรัสเซียมีเครื่องบินรบประเภทต่างๆที่พร้อมใช้งานจำนวน 1,200 ลำ เพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่เดิม 50% โดยรายการหลักๆที่จะซื้อได้แก่ T-50, Su-35, Su-34, MiG-29K ฯลฯ
-ซื้อเฮลิคอปเตอร์โจมตีจำนวน 1,124 ลำ ซึ่งปัจจุบันรัสเซียมีเฮลิคอปเตอร์โจมตีประมาณ 700 ลำ เพิ่มขึ้นจากเดิม 150%
-ซื้อรถถังใหม่จำนวน 2,300 คัน ปัจจุบันรัสเซียมีรถถังที่ทันสมัยและได้รับการปรับปรุงใหม่จำนวนประมาณ 3,000 คัน ซึ่งในจำนวนนี้มีรุ่นที่ทันสมัยที่สุด T-90A อยู่เพียง 500 กว่าคันและ T-90 อีกจำนวนหนึ่ง การจัดซื้อดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นจากเดิม(ที่ทันสมัย) 75% โดยรถถังใหม่นี้จะเป็นรุ่นที่กำลังพัฒนาคือรุ่น "Armata" ซึ่งรถถังรุ่นใหม่นี้ลูกเรือจะปฏิบัติการอยู่ในห้องควบคุมที่แยกต่างหากจากห้องเก็บกระสุน มีระบบอำนวยการรบแบบอัตโนมัติที่แยกจากกัน ห้องเครื่องได้รับการคุ้มครองอย่างดีเป็นพิเศษ มีระบบป้องกันตัวรถที่ครอบคลุมด้านข้าง 360 องศาและครอบคลุมถึงด้านบน ใช้อาวุธปืนหลักขนาด 152 มม. ที่มีความสามารถในการยิงขีปนาวุธโดยตั้งอยู่บนป้อมปืนที่ค่อนข้างสูงซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในเรื่องระยะการรบ ติดตั้งกล้องทรงสูงที่มีประสิทธิภาพและมีระบบป้องกันที่ดี ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพขนาด 1600 แรงม้าเกียร์อัตโนมัติ
-ต่อเรือรบ(ผิวน้ำ)ใหม่ 51 ลำ(ในจำนวนนี้ไม่นับเรือสนับสนุนประเภทต่างๆและเรือที่จะอัพเกรด) ซึ่งปัจจุบันรัสเซียมีเรือรบผิวน้ำประมาณ 220 ลำโดยเฉลี่ยแต่ละลำมีอายุประมาณ 20 ปี เพิ่มขึ้นจากเดิมทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ 25% และนอกจากรายการดังกล่าวแล้วยังจะได้รับเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้น"Mistral" ที่ซื้อจากฝรั่งเศษอีก 4 ลำ
-ต่อเรือดำน้ำเอนกประสงค์จำนวน 16 ลำ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธทางยุธศาสตร์ชั้น Borei จำนวน 8 ลำ(ไม่รวมกับที่ได้รับก่อนหน้านี้ 2 ลำ) และเรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ "Yasen Class" 8 ลำ (ปัจจุบันรัสเซียมีเรือดำน้ำประเภทต่างๆประมาณ 75 ลำ)
-จัดตั้งกองพันขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน S-500 จำนวน 10 กองพัน,S-400 จำนวน 28 กองพัน
-มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับการพัฒนาอาวุธในโครงการที่เป็นความลับ 24.8% ของงบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมด
นี่คือโครงการจัดซื้ออาวุธของกองทัพรัสเซียภายในปี 2020 ส่วนหนึ่งซึ่งไม่รวมกับโครงการอื่นๆเช่นการจัดซื้ออาวุธประจำกายและอุปกรณ์ประจำกายทหารแบบใหม่ การสร้างที่อยู่อาศัยของทหาร การจัดซื้อรถหุ้มเกราะทางทหารหรือปืนใหญ่แบบใหม่ รวมทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ขนส่งทางทหาร ฯลฯ ซึ่งหลังจากโครงการพัฒนากองทัพภายในปี 2020 แล้วรัสเซียยังมีโครงการพัฒนากองทัพระยะใหม่ภายในปี 2028 ที่จะดำเนินการต่อเนื่องกัน
นอกจากนี้รัสเซียยังให้ความสำคัญในการพัฒนากองกำลังขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์โดยจะมีการนำขีปนาวุธรุ่นใหม่ๆเข้าประจำการทดแทนแบบเดิมและรือฟื้นการจัดตั้งกองกำลังขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์แบบเคลื่อนที่ที่ติดตั้งบนรถไฟซึ่งจะมีการพัฒนาให้เหมือนรถไฟที่ใช้งานทางพลเรือนโดยจะไม่สามารถแยกแยะออกได้ด้วยการดูจากสายตา
ที่ผ่านมารายได้ต่อปีจากการส่งออกอาวุธของรัสเซียคิดเป็นค่าเฉลี่ยมากกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯประมาณ 1 ใน 4 ของยอดการส่งออกอาวุธทั่วโลกและคาดว่าในปี 2020 รายได้จากการขายอาวุธจะมีมูลค่าสูงสุดถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ในปลายปี 2014 รัสเซียวางแผนจะสร้างศูนย์เพื่อการป้องกันของรัฐขนาดใหญ่เพื่อใช้เป็นกองบัญชาการทหารสูงสุดโดยเป็นองค์กรที่ใหญ่กว่าหน่วยงานเพนตากอนของสหรัฐฯ ซึ่งโครงสร้างนี้ถูกออกแบบมาสำหรับการปกครองแบบเผด็จการในช่วงสงคราม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น