วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภูกระดึง ภูรูปหัวใจในเดือนแห่งความรัก



1. จุดเริ่มต้นและบทพิสูจน์
          เป็นก้าวแรกของการเดินทางชมธรรมชาติ เป็นระยะทางที่ต้องเดินพิสูจน์ความอดทน เป็นครั้งแรกที่จะตัดสินว่ารักภูแห่งนี้และไม่มีวันเบื่อที่จะมาอีกครั้ง หรือจะไม่กลับมาอีกเลย แต่สำหรับผมไม่มีคำว่าเบื่อที่จะกลับมาอีกครั้ง ครั้งเล่าที่มาเยือน หลายคนก็หลงรักภูแห่งนี้เช่นเดียวกับผม ภูรูปหัวใจแห่งนี้ คือหัวใจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีเสนห์ตราตรึงจนไม่อาจจะลืมได้เลย


          ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมผมถึงยังอยากไปซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มีภาพติดตาในหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น บรรยากาศที่พิเศษไม่เหมือนพื้นดินเบื้องล่างมีพรรณแมกไม้แปลกตา อากาศเย็นสบาย มีทรายละเอียดเหมือนชายหาด มีทะเลหมอก มีตะวันตกดินที่สวยตราตรึง มีสัตว์ป่า มีต้นไม้ชนิดเดียวกับแถบยุโรป มีน้ำตกหลายแห่ง เป็นต้นลำน้ำพอง มีความเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบเฉียบพลันหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน จากปกติเข้าสู่หนาวจนไม่กล้าอาบน้ำ ทั้งๆ ที่ตอนกลางวันอยากอาบน้ำมาก


ธรณีสัณฐาน และลักษณะเส้นทางเดินขึ้นภูกระดึง
ที่ตั้ง     จังหวัดเลย
พื้นที่     217,576.25 ไร่ (348.12 ตร.กม.)
สถาปนา     23 พฤศจิกายน 250
มีความสูงอยู่ระหว่าง 400-1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล 

ผานกเค้าเมื่อถึงที่นี่...ก็คือสัญญลักษณ์ที่บอกว่าถึงเขตภูกระดึงแล้ว อย่าลืมแวะไปซื้อมะพร้าวแก้วเลิศรสร้านเจ๊กิม


ความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญในการเดินทางครั้งนี้
          ด้านสุขภาพ ควรต้องมีการฟิตซ้อมร่างกายเพื่อให้กล้ามเนื้อรับได้กับการเดินระยะทางไกลประมาณ 40 กิโลเมตร ในเวลา 2 วันได้ เพราะฉะนั้นควรออกกำลังกายโดยการวิ่ง ด้านการเตรียมยา คลายกล้ามเนื้อ นีโอฟีแน็ค ยาแก้ปวดเส้นเอ็น ยาพารา ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ท้องอืดท้อเฟ้อ การเดินขึ้นภูต้องใช้เวลา 4 - 8 ชั่วโมง แล้วแต่ความฟิตหรือบางคนเสพบรรยากาศข้างทางจนเพลินก็จะถึงช้าหน่อย แต่การเดินระยะไกลขนาดนี้วิธีที่ดีที่สุดคือการถนอมตัวเองไม่ให้บาดเจ็บไปเสียก่อนรวมถึงการประหยัดพลังเผื่อวันเดินกลับด้วยครับ
          ระหว่างทาง นับตั้งแต่เริ่มก้าวผ่านประตูอุทยานเข้าสู่ภูกระดึงจุดแรกสุดเป็นเส้นทางวัดใจซึ่งเป็นเนินชัน 800 เมตร ชื่อว่า ซำแฮก ซึ่งก็แฮกจริงอย่างชื่อเรียกเมื่อขึ้นถึงซำนี้แล้วอาจต้องถามตัวเองซ้ำว่าเราจะไปต่อจริงหรือ หรือว่าจะกลับดี ซำนี้เป็นซ้ำแรกที่มีจุดขายของกิน ทั้งส้มตำ ข้าวปลา น้ำดื่มเย็น น้ำเกลือแร่ยี่ห้อต่างๆ ของใช้ให้บริการรวมถึงห้องน้ำเป็นการชาร์ตพลัง เดินชมบริเวณจุดชมวิวเห็นวิวตัวเมืองไกล ๆ ถ่ายรูปคู่กับป้าย ดูป้ายซ้ำถัดไปจากนั้นก็เดินทางต่อสู่ บทถัดไปซึ่งไม่ชันมากนัก

วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

พลเอกกิตติ รัตนฉายา ถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา



...พลเอกกิตติ รัตนฉายา ( Kitti Ratanachaya ) อดีตแม่ทัพภาค 4 เจ้าของนโยบายใต้ร่มเย็นผู้สงบศึกภาคใต้มาแล้ว ส่งสารร่ายยาวถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก

...ถ้า ผมเป็น ประยุทธ์ จันทร์โอชา
.....ในสถานการณ์ ปัจจุบันนี้ ซึ่งประชาชนทุกคนรับรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น มีกองกำลังก่อการร้าย ที่หลายๆคนก็รู้ว่า เป็นฝ่ายใครพวกไหน ใช้กำลังใช้อาวุธสงคราม มายิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ ยิงเด็กตาย ขว้างปาระเบิดอย่างกับ เป็นแดนมิคสัญยี
...ในสถานการณ์ ซึ่งกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้บังคับใช้กฎหมาย อย่างตำรวจ ไม่ทำงาน และเอนเอียงแบ่งข้างโดยชัดเจนมาก เห็นง่ายๆจากกรณีที่ หลักฐานของคนปาระเบิด ที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เห็นภาพชัด มือยิงสุทินที่วัดศรีเอี่ยม เห็นชัด แต่ไม่เคยจับได้ แต่คนยิงขวัญชัย ไม่เห็นแม้แต่ปลายเส้นผม กลับจับกุมได้ในเวลารวดเร็ว

เวลาชีวิตเดินช้าลง...ที่เกาะพยาม จ. ระนอง



 “คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ำแร่ มุกแท้เมืองระนอง” หลายคนตามแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัดจากคำขวัญประจำจังหวัดเพราะสิ่งที่ถูกยกมาเป็นคำขวัญได้ต้องมีความพิเศษเฉพาะตัว
          หลังจากอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนจากธรรมชาติพรรั้งแล้ว เราก็อยากเติมเต็มด้วยการเที่ยวทะเลหาดทรายละเอียดสวยน้ำใสกันต่อ แต่ทะเลที่ไหนจะสวยพอที่จะหยุดเวลาชีวิตให้ช้าลง หลบลี้พาชีวิตสู่ธรรมชาติสันโดษสงบ  ที่ไหนจะตอบโจทย์ได้ทั้งหมดถ้าตอนนี้อยู่ที่ตัวเมืองระนอง “เกาะพยาม” เกาะแห่งนี้กระซิบบอกเบาๆ ให้ไปพิสูจน์ว่าที่นี่แหละพร้อมจะมอบสิ่งที่คุณต้องการ
           ระนองมีเกาะขนาดใหญ่คือเกาะช้าง และห่างมาทางใต้ 4 กิโลเมตร มีเกาะรองลงมาก็คือ เกาะพยาม นับระยะทางจากท่าเรือ 30 กิโลเมตร ที่นี่ยังคงความสวยงามแบบธรรมชาติดั้งเดิม ความเจริญมาบุกรุกน้อยยังมีความเป็นป่า มีสัตว์ป่าเช่น นก ลิง หมูป่า มีอ่าวหลัก ๆ คือ อ่าวไผ่ อ่าวแม่หม้าย อ่าวใหญ่ อ่าวเขาควาย อ่าวกวางปีบ แต่ถึงแม้ว่าที่นี่ยังไม่ค่อยเจริญแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งอินเตอร์เน็ต 3G, Wifi ให้บริการสำหรับคนที่อยากอัพภาพสวย ๆ สู่โซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือเช็คอินให้เพื่อนๆ  อิจฉาว่ากำลังอยู่มัลดีฟเมืองไทย ยามค่ำคืนยังมีสิ่งบันเทิงเริงใจให้บริการแถบชายหาดอ่าวใหญ่เป็นเครื่องดื่มหลายๆ แบบตามแต่จะเร้าอารมณ์แบบไหน
         ที่พักบนเกาะพยามมีพร้อมต้นรับนักท่องเที่ยวในหลายระดับราคาเริ่มต้น 200-600 ถ้าติดทะเลก็ขยับขึ้นมาที่ 800-1,500  และแบบหรูก็ 8,000 มีทั้งแบบติดแอร์และแอร์ธรรมชาติ นี่เป็นอีกอย่างที่บ่งชี้ให้เห็นว่าความเจริญยังเข้ามาไม่มากยังมีความสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนแบบไม่วุ่นวาย จึงเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการความสงบเป็นส่วนตัว การเดินทางบนเกาะมีรถมอเตอร์ไซด์และจักรยานให้เช่า มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างให้บริการ บนถนนคอนกรีต แต่ไม่มีรถยนต์มีเพียงรถอีแต๊กขนส่ง
         การเดินทางไปเกาะ จากท่าเรือเกาะพยาม เริ่มต้นที่ ท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ จ. ระนอง ที่ช่วงเช้าคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีเรือให้เลือกใช้บริการกัน 2 แบบ 2 ราคา แบบช้าหวานเย็น หรือแบบเร็วทันใจ
Speed Boat ให้บริการในเวลา  9.00 น. และ 13.00 น. ราคา 350 บาท ต่อคน ใช้เวลาเดินทาง 30-45 นาที มีความคล่องตัวสูงวิ่งด้วยความเร็วปรี๊ด
Slow Boat เรือประมงดัดแปลง ให้บริการเที่ยวแรก 10.00 น หรือ 11.30 น. ต้องดูสภาพน้ำขึ้นน้ำลง ถ้าน้ำลงเรือจะออกช้ากว่าปกติเพราะออกจากท่าไม่ได้ ค่าบริการ 250 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง ถ้าไม่เร่งรีบอยากดื่มด่ำกับทะเลและการเดินทางหลับไปบ้างตื่นมาดูความงามของทะเลบ้าง แต่ทั้งสองแบบแนะนำให้ไปถึงท่าเรืออย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
        ที่พักบนเกาะพยามมีพร้อมต้นรับนักท่องเที่ยวในหลายระดับราคาเริ่มต้น 200 - 600 ถ้าติดทะเลก็ขยับขึ้นมาที่ 800-1,500  และแบบหรูก็ 8,000 มีทั้งแบบติดแอร์และแอร์ธรรมชาติ
        นี่เป็นอีกอย่างที่บ่งชี้ให้เห็นว่าความเจริญยังเข้ามาไม่มากยังมีความสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนแบบไม่วุ่นวาย จึงเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการความสงบเป็นส่วนตัว การเดินทางบนเกาะมีรถมอเตอร์ไซด์และจักรยานให้เช่า มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างให้บริการ บนถนนคอนกรีต แต่ไม่มีรถยนต์มีเพียงรถอีแต๊กขนส่ง ที่นี่ไม่ได้มีจุดท่องเที่ยวหลากหลายจนเหลือเฟือ  แต่มีพองามให้เราจดจ่อดื่มด่ำ เปรียบความงามดั่งสาววัยสดใสเดียงสาบริสุทธิ์หน้าตาดีแบบโดยธรรมชาติ ปราศจากเครื่องสำอางค์แต่งแต้ม
ภาพและบทความโดย xsci
ท่าเรือเกาะพยาม สปีดโบ๊ทเริ่มเดินทางเที่ยวแรก 9.50 น. เที่ยวสุดท้าย 1.00 น. ขากลับเที่ยวสุดท้ายหมด 17.00 น.

ท่าเรือที่ยังติดโคลนเกยตื้นเพราะน้ำลง ถ้าน้ำลงแบบนี้ประมาณ 11.30 น. ถึง 12.00 น. น้ำถึงมากพอที่เรือจะออกได้


วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง จ.ระนอง, Porn Rung Hot Spring Ranong Thailand

          หลาย ๆ ครั้งที่สื่อต่าง ๆ ผ่านตาเรื่องการอาบน้ําแร่ออนเซ็นของญี่ปุ่น มันจุดประกายความคิดความต้องการอยากสัมผัส ดื่มด่ำ กับการเปลือยกายนอนแช่น้ำแร่ มีน้ำแร่ไหลผ่านท่อไม้ไผ่โชยอ่อนไปด้วยไอน้ำจากน้ำร้อนที่แทรกตัวมาใต้ผืนดินลึกหลายกิโลเมตร แต่ทว่านั่นเป็นสิ่งที่ไกลเกินไปสำหรับการพักผ่อนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีเวลาไม่มากนัก แต่เราอาจไม่รู้ว่าเมืองไทยก็มีบ่อน้ำแร่ร้อนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและดีที่สุดต่อการนอนแช่แห่งหนึ่งของโลกเพราะน้ำใสสะอาด ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ก๊าซไข่เน่า หรือคราบขาวของแคลไซต์ มีส่วนผสมของแร่ธาตุในระดับที่พอดี บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง 13 ตาน้ำร้อนจากใต้พิภพ จ.ระนอง ห่างจากตัวเมืองระนองเพียง 10 กิโลเมตร ที่นี่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการอาบน้ำแร่ได้เป็นอย่างดี มาแล้วมีเมนูไข่ต้มน้ำแร่เป็นของแถมมีรสชาติพิเศษจากการต้มน้ำแร่นาน 18 ชั่วโมงรับความร้อนตรง ๆ จากตาน้ำร้อน  นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบ้านพักริมธารน้ำแร่ สำหรับผู้ที่อยากดื่มด่ำในธรรมชาติแช่น้ำแร่จนปริ่มเปรมเต็มที่ก็สามารถใช้บริการได้แนะนำว่าควรจองล่วงหน้าเพราะเป็นที่นิยมไม่น้อยเลยทีเดียว
          ระนองเมืองฝนแปดแดดสี่เมืองเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดา เส้นทางเพชรเกษม ตัดผ่านเทือกเขาสลับซับซ้อน เดินทางผ่านถนนเส้นนี้ทำให้นึกถึงเส้นทางในแถบภาคเหนือในด้านโค้งและภูเขา ระนองเป็นทั้งเมืองหน้าด่านมีเขตติดต่อกับพม่า คอคอดกระแผ่นดินที่แคบสุดระหว่างสองทะเลของด้ามขวาน ติดทะเลอันดามันที่เลื่องชื่อทะเลน้ำใสหาดสวย อุดมไปด้วยสินแร่ดีบุกจนเป็นที่มาของชื่อเมือง "แร่นอง" ปัจจุบันเพี้ยนมาเป็น "ระนอง"-เดินทางจากกรุงเทพก็สบาย ๆ ด้วยรถทัวร์วิ่งตรงรวดเดียวถึงระนองด้วย สมบัติทัวร์มิตรแท้เพื่อนเดินทาง รถปรับอากาศพิเศษ(พ) กรุงเทพฯ - ระนอง หรือเรียกว่า Super Class เรียกได้ว่ามาระนองได้ครบทุกรสชาติไม่ว่าจะเป็นเกาะพยามงามตา ทะเล ภูเขา น้ำตก ทุ่งภูเขาหญ้า สปาน้ำแร่ร้อน อากาศบริสุทธิ์จากป่าดิบชื้นที่ไม่เคยร่วงโรยผลัดใบแห่งเหี่ยว ผู้คนน้ำใจงาม รวมทั้งได้ดื่มด่ำฉ่ำใจกับอาหารทะเลสด ๆ จากทะเลอันดามันได้อย่างเต็มรสชาติ

แผนที่บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง จ.ระนอง
http://goo.gl/maps/5Ai6b


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น  

ลักษณะบ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง
          ประกอบไปด้วยบ่อน้ำร้อนธรรมชาติและบ่อปูนซีเมนต์ บ่อน้ำร้อนธรรมชาติโดยทั่วไปมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 1 เมตร ประมาณ 5 บ่อและสายน้ำแร่ร้อนที่น้ำร้อนจะไหลซึมออกมาจากผิวดิน และกระจายเป็นแอ่งมีตาน้ำมากถึง 13 ตาน้ำ ที่ซึมขึ้นมาตามารอยแตกของหิน ทั้งจากหินแกรนิต หินภูเขาไฟจำพวกดิไซด์ และหินทัฟฟ์ และสายแร่ควอรตซ์ อุณหภูมิน้ำร้อน โดยเฉลี่ยประมาณ 35-40 องศาเซลเซียส
          Compose hot nature spring, and cement pond, hot nature pring generally have alittle diameter size more 1 the mate, atout 5 a pond, and mineral hot stream that the hot water will flow to seep come out from the underlying ground, and pread a basin, there are many springs arrive at 13 the spring, at seep upward trail broken of a stone, both of from granite stone, vocano kind young bamboo fish trap stone, and a stone, and late litter mineral, hot water temperature on the average about 35-40 the degree celsius.

ข้อห้ามในการแช่น้ำร้อน Hot Spring Caution
          1. ห้ามใช้สบู่หรือแชมพูในบ่อแช่น้ำร้อน
              Don't use the soap and shampoo in the pool.
          2. ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มมารับประทานในบ่อแช่น้ำร้อน
              Don't take the food and beverage in the pool.
         3. ห้ามดำน้ำโดยเด็ดขาด (อาจทำให้เป็นลมได้)
             Don't diving
         4. ห้ามเด็ก และผู้สูงอายุแช่น้ำร้อนโดยปราศจากผู้ปกครอง หรือเจ้าหน้าที่คอยดูแล
             The child or the old Don't use the pool alone.
         5. ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบริเวณพื้นที่ให้บริการน้ำแร่ร้อน
             Don't bring pet in hot spring area.

ข้อควรปฏิบัติในการเข้าไปใช้บริการ อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน
          -สวมกางเกงขาสั้น-เสื้อยืด
          -ให้ชำระร่างกาย-อาบน้ำจืด ฝักบัว ก่อนลงในบ่อ
          -ห้ามใส่ผ้าถุงหรือกระโจมอกลงในบ่อ
          -ห้ามใส่กางเกงขายาวลงในบ่อ
          -ห้ามสูบบุหรี่ขณะลงบ่อ
          -ห้ามถลกหรือพับขากางเกงลงแช่ในบ่อแช่ทั้งตัว
          -ห้ามนำอาหาร-เครื่องดื่มรับประทานบริเวณบ่อแช่

โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง
จองบ้านพักล่วงหน้าโทร: 077-862103, 089-2889153

ภาพและบทความโดย xsci







วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปฏิรูปการศึกษา ยกเครื่องทางปัญญา อ.ประเวศ วะสี



จากหนังสือ ปฏิรูปการศึกษา ยกเครื่องทางปัญญา ทางรอดจากความหายนะ
ผู้เขียน ศร.ดร.ประเวศ วะสี
จัดพิมพ์โดย มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์
ISBN ๙๗๔-๗๖๖๗-๗๘-๙
พิมพ์ครั้งที่ ๑ : กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
พิมพ์ครั้งที่ ๒ : เมษายน ๒๕๕๑

ตอนที่ 1 อารัมภกถา
*************************
การศึกษาที่ดีแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
          การศึกษาที่ดีทำให้เกิดสิ่งที่ดีงามอะไรก็ได้ เพราะสมองของมนุษย์มีศักยภาพสูงสุด การศึกษาที่ดีสามารถขจัดทุกข์เข็ญของแผ่นดินได้ เราเข้าใจการศึกษาเพียงว่า คือการท่องหนังสือ ซึ่งไม่มีน้ำยา จึงไม่ศรัทธาในการศึกษาว่าจะแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ เราทำการศึกษาให้เป็นความทุกข์ ความยากลำบาก และผลิตคนที่ด้อยคุณภาพ ความด้อยคุณภาพนำไปสู่ความทุกข์และวิกฤติ แท้ที่จริงการศึกษาไม่ใช่เรื่องยาก ทำให้สนุก ทำให้มีความสุข และสร้างสรรค์คุณภาพคนอย่างใดก็ได้ ถ้าเราจะปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้เสียใหม่ การศึกษาที่ดีสามารถขจัดความยากจน สร้างทักษะชีวิต ทำให้ครอบครัวเป็นปึกแผ่น ชุมชนเข้มแข็งอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรม อนุรักษ์และเพิ่มพูนสิ่งแวดล้อม ทำให้การเมืองถูกต้อง สร้างอิสระภาพและความสุข ทำให้เกิดบุคคลเรียนรู้และสังคมเรียนรู้

ครูคือเมล็ดพันธุ์แห่งความดี
          ครูคือเมล็ดพันธุ์แห่งความดี เมื่อตกอยู่ ณ ที่ใด ความดีย่อมงอกงามขึ้นโดยรอบ
          ครูคือกัลลยาณมิตร การได้พบกัลยาณมิตรเป็นมงคลสูงสุด ความปรารถนาสูงสุดของพ่อแม่ คือการที่ลูกได้พบครูที่ดี ในขณะที่ครูจำนวนมากเป็นคนดี แต่สังคมและระบบไม่สนับสนุนครูดี การปฏิรูปการศึกษา ต้องปฏิรูประบบให้ส่งเสริมครู เพื่อให้ครูเป็นกัลยาณมิตรของแผ่นดิน

การร่วมแสดงความคิดเห็นของคนทั้งแผ่นดิน
          การปฏิรูปการศึกษาเป็นกระบวนการทางการเมือง กระบวนการทางการเมืองคือการมีส่วนร่วมของประชาชนทั้งประเทศ การที่คนทั้งประเทศร่วมกันออกความคิดเห็นว่าการศึกษามีปัญหาอย่างใด และควรแก้ไขอย่างไรจะยังให้เกิดพลังทางปัญญา และพลังทางสังคมที่จะนำไปสู่การปฏิรูปการศึกษา
ขอให้ช่วยกันถามและช่วยกันตอบว่า การศึกษามีปัญหาอย่างไร ควรแก้ไขอย่างไร

ตั้งสภาปฏิรูปการศึกษา
          วิกฤษทางเศรษกิจและสังคมของประเทศเกิดจากวิกฤติการณ์ทางปัญญาของชาติหากสังคมไทยยังอ่อนแอทางปัญญา จากวิกฤตจะคืบไปสู่หายนะ วิกฤตทางปัญญาเป็นปัญหาเชิงวัฒนธรรมและโครงสร้างอันถักทอหมักหมมยากต่อการเข้าใจและสางให้ออก การแก้ไขตกแต่งเล็ก ๆ น้อยๆ แก้ไขไม่ได้สัมคมไทยต้องการยกเครื่องทางปัญญา การปฏิรูปการศึกษาในที่นี้หมายถึง การยกเครื่องทางปัญญา การยกเครื่องทางปัญญาใช่ว่าใครคนใดคนหนึ่งหรือองค์กรใดหนี่ง แม้ฝ่ายการเมืองจะทำได้สำเร็จ แต่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหวทางปัญญาของสังคมทั้งมวล สภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นกลไกที่เคลื่อนพลังทางสัมคม เพื่อแก้ปัญหาที่ใหญ่และยาก ฉันใด สภาปฏิรูปการศึกษา ก็รวรเป็นกลไกที่คนไทยทั้งมวลร่วมใจกันยกเครื่องทางปัญญา ฉันนั้น
พรรคการเมืองใดที่เห็นว่าควรมีการปฏิรูปการศึกษา สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเสนอ พ.ร.บ. ตั้งสภาปฏิรูปการศึกษา

ตอนที่ 2 ปัญหาของการศึกษาไทย
*************************
           ปัญหาการศึกษาไทยในภาพใหญ่คือ การไม่สามารถเตรียมคนไทยให้สามารถเผชิญกับยุคสมัยแห่งการเปลียนแปลง ทำให้สังคมไทยอ่อนแอ ขัดแย้ง ทำลายตัวเอง และวิกฤต

สังคมไทยในยุคสมัยแห่งการเปลียนแปลงและสภาพวิกฤต
          สังคมไทยในอดีตมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา เริ่มเปลี่ยนแปลงเร็ว และเร็วยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จากสังคมหมู่บ้านกลายเป็นสังคมใหญ่ที่เชื่อมโยงกับโลกอย่างสลับซับซ้อนทั้งทางเศรษฐกิจ การเงิน ข้อมูลข่าวสาร วัฒนธรรม และการเมือง มีการเปลียนแปลงอย่างพยากรณ์ไม่ได้ เช่น การพังทลายของระบบเศรษฐกิจการเงินของไทย ซึ่งกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในปัจจุบัน

สังคมไทยกำลังเผชิญกับสภาวการณ์ใหม่ ๆ และปัญหาใหม่ ๆ ที่เรายังไม่คุ้นเคยมาก่อน
          การเผชิญสภาวการณ์ใหม่และปัญหาใหม่ ด้วยทรรศนะเก่า จิตสำนึกเก่า และทักษะเก่า ไม่สามารถทำให้สังคมไทยผนึกตัวเองไว้ในดุลยภาพได้ ยึงกำลังแตกสลาย เช่น การพังทลายของสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การพลังทลายของสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การพลังทลายของชีวิตครอบครัว การพลังทลายของชีวิตชุมชน และวัฒนธรรมไทย การอพยพหลบภัยทางเศรษฐกิจ การเอาผู้หญิงและเด็กมาเป็นโสภพณีเป็นแสน ๆ คน ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม และความรุนแรง วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังมองไม่เห็นทางออก ฯลฯ เหล่านี้คือสภาพวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นกับสังคมไทย เป็นดังนี้เพราะ

สังคมไทยมีความอ่อนแอภายใน แล้วไปเชื่อมกับกระแสโลกซึ่่งหมุนเร็วและรุนแรง
          ความอ่อนแอภายในของสังคมไทยเกิดจากสิ่งที่ใหญ่มาก เสมือนถูกทับด้วยภูเขา หรือถูกครอบงำหรือครอบด้วยโครงสร้างที่ทำให้ไม่เกิดความสว่างทางปัญญา โครงสร้างมหึมาที่มาครอบสังคมไทยไม่ให้เกิดปัญญาได้แก่
          1. โครงสร้างทางสังคม ที่เป็นโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีอำนาจ (ข้างบน) กับผู้ไม่มีอำนาจ (ข้างล่าง) ในลักษณะที่ข้างบนเอาเปรียบข้างล่างและทำให้ฐานล่างอ่อนแอ โครงสร้างอะไรที่ฐานล่างอ่อนแอย่อมทรุดพลังทลายลง
          2. โครงสร้างอำนาจที่รวมศูนย์ มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาน้อย แต่มีคอรัปชั่นมาก
          3. ความเคยชินจากสิ่งแวดล้อมในอดีต ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อน มีทรัพยากรธรรมชาติมากพลเมืองน้อย ภยันอันตรายจากธรรมชาติน้อย ทำให้ประมาท ไม่กระตือรือร้นในการเรียนรู้ ในการสรรค์สร้าง ในความร่วมมือ บัดนี้สิ่งแวดล้อมเปลียนไปแล้ว แต่นิสัยเดิมยังอยู่ นิสัยเดิมไม่เข้ากับภาวะการณ์ใหม่ และปัญหาใหม่
          4. ทิฐิและทิศทางในการพัฒนา สังคมไทยรับเอาทิฐิวัตถุนิยมมาเป็นทิศทางในการพัฒนา ทำให้โลภะ โมหะ โทสะ อันเป็นอกุศลมูลเล่นสูงขึ้นแทนที่จะเป็ยปัญญาหรืออุศลมูล
           ทั้งหมดเชื่อมโยงกันเป็นโครงสร้างอันใหญ่ หนักหนาสาหัสสากรรจ์ ที่ครอบสังคมไทยไว้ไม่ให้มีสติปัญญาเพียงพอ จึงยังคงใช้ทรรศนะเก่า จิตสำนึกเก่า และทักษะเก่า ในสถานการณ์ใหม่
          คนไทยยังคงเห็นแคบ ๆ ใกล้ ๆ เช่นเห็นแก่ตัว เห็นแค่พรรค เห็นแก่พวก ขาดจิตสาธารณะ (Public Mind) จึงคดโกงกันง่าย ไม่รับผิดชอบ หลบหลีกเอาตัวรอดแบบศรีธนชัย ลักษณะอย่างนี้เมื่อต้องไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง เศรษกิจการเงิน ย่อมนำไปสู่สภาวะวิกฤติอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
          ในวัฒนธรรมอำนาจมีการเรียนรู้น้อย คนมีอำนาจก็ใช้อำนาจสั่งไปเลยโดยไม่ต้องใช้ความรู้ คนไม่มีอำนาจก็รับทำตามคำสั่งโดยไม่ต้องเรียนรู้ สังคมอำนาจนิยมมีการเรียนรู้น้อย เมื่อมีการเรียนรู้น้อยก็ไม่เกิดปัญญาพอ เมื่อปัญญาไม่พอก็แก้ปัญหาไม่ได้ และนำไม่สู่ภาวะวิกฤต
          ในสังคมที่สลับซับซ้อนและมีปัญหายาก ๆ การใช้อำนาจแก้ปัญหาได้ผลน้อยลงๆ แต่ต้องใช้ความรู้ สังคมไทยยังขาดวัฒนธรรมและการใช้ความรู้ ยังเป็นสังคมใช้อำนาจ จึงแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ได้ ปัญหาสะสมมากขึ้นๆ จนวิกฤติ

นี่คือความอ่อนแอภายในของสังคมไทย
          สังคมที่มีความอ่อนแอ เมื่อไปเชื่อมกับกระแสโลกซึ่งหมุนเร็วและแรง ย่อมหมดแรง ล้ม หรืออาจตาย เสมือนคนป่วยที่ไม่แข็งแรง ไปวิ่งบนสายพานที่หมุนเร็วและแรง ย่อมไปไม่รอด
          การศึกษาไทยไม่มีพลังพอที่จะสร้างความเข้มแข็งให้สังคมไทย โดยมีทรรศนะใหม่ จิตสำนึกใหม่และทักษะใหม่ ที่เผชิญกับสถานการณ์ใหม่และปัญหาใหม่ได้
          ที่พูดนี่มิใช่เพื่อตำหนิ เพราะเป็นเรื่องใหญ่และยากสุดกำลัง และระบบการศึกษาก็อยู่ใต้โครงสร้างอำนาจที่มีปัญหานั้นเอง แต่ถ้าเราเข้าใจสภาพปัญหา ก็สามารถช่วยกันคิดยุทธศาสตร์การศึกษาที่มีพลังในการแก้ไขความอ่อนแอทั้งมวลได้โดยไม่ยากเกินไป

          ความทุกข์ 3 ประการในการศึกษาของไทย
          ปัญหาใหญ่ ๆ ของการศึกษาไทยมี 3 เรื่อง คือ

          1. ความเดือดร้อนแสนสาหัสในการแสดงหาและเข้าโรงเรียนดีๆ
          พ่อแม่มีความวิตกกังวลว่าทำอย่างไรลูกจะได้เข้าโรงเรียนดีๆ ต้องเดือนร้อนวิ่งเต้นเส้นสาย ฝากฝัง เสียเงนเสียงทอง พล่านกันหมดทั้งประเทศ
          เด็กมีความเครียดสูงในการที่จะสอบคัดเลือกเข้าสถานศึกษาดีๆ ต้องท่องหนังสือติวหามรุ่งหามค่ำ และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว บางโรงเรียนเมื่อนักเรียนของตัวเองเรียนจบ ม.3 ต้องไปสอบตัวเลือกใหม่ว่าจะมีสิทธิเรียนต่อชั้น ม.4 ในโรงเรียนเดิมของตนเองหรือไม่
          ระบบการศึกษาที่ก่อความทุกข์แสนสาหัสให้กับทั้งผู้ปกครองและนักเรียนเช่นนี้ ไม่ยุติธรรมต่อคนทั้งแผ่นดิน
          เราควรมีโรงเรียนดีๆ มากพอ จนนักเรียนสามารถเลือกเข้าเรียนได้ง่ายที่โรงเรียนใกล้บ้าน

          2. การเรียนยาก ไม่สนุก น่าเบื่อ หรือการเรียนเป็นความทุกข์
         การเรียนควรจะมีความเป็นสุข ชวนให้นักเรียนรู้ แต่การศึกษาของเราจะเน้นการท่องจำจากตำราเป็นดุ้นๆ ซึ่งจำยาก เข้าใจยาก เสียเวลามาก และเป็นความทุกข์อย่างยิ่ง ไม่ชวนให้ติดใจ ทำให้เกลียดการศึกษา เมื่อหมดเงื่อนไขบังคับก็หยุดการเรียนรู้ การหยุดการเรียนรู้ของคนไทยทำให้สติปัญญาไม่เพียงพอ และนำไปสู่ภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจและสังคม
          ควรทำให้การเรียนรมีความสุข สนุก ชวนให้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

        3. การศึกษาผลิตคนที่ขาดคุณภาพ
          มนุษย์มีสมองที่มหัศจรรย์มาก สามารถเรียนรู้ที่จะบรรลุได้ดีทุกอย่าง คือรู้ความจริง แสวงหาความจริง ใช้ความจริง เพื่อความถูกต้องในการดำรงชีวิตและการอยู่ร่วมกัน ทั้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม มนุษย์ควรจะ
          - มีความเอื้ออาทรต่อกัน
          - สามารถอยู่ร่วมกันด้วยความเป็นปรกติ หรือความสุข พัฒนาจิตใจหรือความดีให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ

ด้วยศักยภาพทางสมอง คนทุกคนควรจะมีโอกาสที่จะพัฒนาให้เต็มตามศักยภาพของความเป็นมนุษย์
แต่การศึกษาของเราเน้นที่การท่องจำเนื้อหาวิชาการต่างๆ  มากมาย จึงยากและมีความทุกข์ดังกล่าวในข้อ 2  และทำให้ขาดคุณภาพแห่งการคิดเป็น ทำเป็น เรียนเป็น และการพัฒนาจิตใจให้สูงยิ่งๆ ขึ้น

คุณภาพเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ
การขาดคุณภาพนำไปสู่ความยุ่งยากต่างๆ และนำไปสู่วิกฤติการณ์ทางเศษฐกิจสังคม การที่ประเทศขาดคนที่มีคุณภาพจึงเป็นภยันตรายใหญ่หลวงยิ่งนัก ปัญหาใหญ่ๆ ของการศึกษาทั้ง 3 เรื่องคือ
          - ความเดือดร้อนแสนสาหัสของประชาชนในการแสวงหาโรงเรียนดีๆ
          - การเรียนที่ยากและมีความทุกข์
          - การศึกษาที่ผลิตคนขาดคุณภาพ
สิ่งเหล่านี้ทำร้ายสังคมไทยยิ่งนัก จึงเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นอันตรายที่จะนำประเทศไปสู่สภาวะวิกฤติ สมควรต้องแก้ไขหรือปฏิรูปการศึกษา

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ร้อนใจมากค่ะ เรื่องท้อง และใครคือพ่อของเด็ก

จงยอมรับในบางแง่มุมของสังคมว่าเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ภายใต้วัฒนธรรม สังคม ศีลธรรมและการปลูกฝังคุณค่าว่าดีงาม และจงยอมรับว่าผู้หญิงกำลังทำสิ่งเหล่านี้ แบบเดียวกันนี้อยู่ และนี่เป็นสิ่งที่เราไม่ได้จะเหยียดหยามดูถูก หรือโจมตี แต่มันเกิดขึ้นจริง แต่ต้องถามว่าวันนี้เรายังอยู่ในครรลองที่ดีงามเหล่านั้นหรือไม่ ทุกวันนี้สตรีเรียกร้องสิทธิและได้สิทธิ์นั้นได้มากกว่าที่ควรได้ หลายครั้งสังคมประณามบุรุษอย่าง แด๊กบิ๊กแอส ฟิมล์รัฐภูมิ จนแทบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เพียงแค่เชื่อข่าวจากสื่อโดยไม่ได้มีการวิเคราะห์.... นี่เป็นสิ่งที่บอกคุณว่า อย่ามองโลกในด้านเดียว???? จงนั่งลงเถิดแล้วตั้งใจอ่านกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/31613886

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

Canon PIXMA MP287 ( All-in-One ) Driver download

Driver canon mp 287 โปรแกรมติดตั้ง canon mp 287  เครื่องพิมพ์รุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่นยอดนิยมที่สุดของยี่ห้อ Canon เพราะมีเพื่อนๆ ถามหาโปรแกรมไดร์เวอร์สำหรับรุ่นนี้เยอะมาก และส่วนมากจะไม่ค่อยเก็บแผ่นที่ได้มาไว้ จะใช้แต่ละทีก็หาเอาในอินเตอร์เน็ต ผมก็เลยได้รวบรวมมาให้เพื่อนๆ ได้ดาวน์โหลดไปติดตั้งเวลาที่ต้องการได้ง่ายครับผม

รายละเอียด คุณสมบัติ Canon PIXMA MP287 ( All-in-One )

canon-pixma-mp287ใช้หมึกเบอร์ 810BK, 811Col
Print speed black (draft, A4) 8.4” ipm

Print speed colour (draft, A4) 4.8” ipm

Resolution Print 4800dpi x 1200dpi
Scan Type CIS Flatbed Scanner
Resolution Scan 1200dpi x 2400dpi
Scan Color Up to 48 bit
Scan Speed Black (A4) 1.1 ms/line
Scan Speed Color (A4) 3.4 ms/line
Standard Copy ISO/IEC 24735 Annex D
Copy Speed Black 6.3” ipm
Copy Speed Color 2.6” ipm
Cartridge PG-810, CL-811, PG-810XL, CL-811XL
Interface USB
Download Driver canon mp 287 โปรแกรมติดตั้ง canon mp 287
ดาวน์โหลด Canon PIXMA MP287 MP280 Printer Driver

รองรับระบบปฏิบติการ
Windows XP x64 / Mac OS X / Windows 7 32bit, Windows 7 64bit, Windows Vista 32bit, Windows Vista 64bit, Windows XP SP2, Windows XP SP3

Driver L210

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

Register วันนี้ ก่อนเที่ยงเท่านั้นฟรี!!! Perfect Effects 8 จากค่าย onOne Software

Download

มีของฟรีดีๆ มาแนะนำครับ เป็นโปรแกรมสำหรับตกแต่งรูปภาพชื่อโปรแกรมว่า Perfect Effects 8 จากค่าย onOne Software ที่ได้ (คุย) โฆษณาและโปรโมทไว้ว่าเป็นโปรแกรมแต่งรูปภาพที่เทียบชั้นกับ Photoshop,  Lightroom หรือ Aperture เลยทีเดียว (ดูวีดิโอแนะนำด้านล่าง) และรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac




ซึ่งโดยปกติแล้ว Perfect Effects 8 นั้นวางขายอยู่ที่ 99 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 3,000 บาท แต่วันนี้ทาง onOne Software ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษแจกให้เอาไปใช้กันฟรีๆ เพียงลงทะเบียนรับ License Number ภายในวันที่ 28 มกราคม 2557 (ตามเวลาต่างประเทศ …ถ้าตามเวลาประเทศไทยก็น่าจะได้ถึงเที่ยงๆ ของวันที่ 29)

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

Conversations with Thaksin สนทนา กับ ทักษิณ By Tom Plate ภาคอังกฤษ มีแปลไทยเรียบร้อย โดย อ สมเกียรติ อ่อนวิมล

Conversations with Thaksin
สนทนา กับ ทักษิณ By Tom Plate
ภาคอังกฤษ มีแปลไทยเรียบร้อย โดย อ สมเกียรติ อ่อนวิมล

บทความในรูปแบบ pdf
http://www.one2up.com/view_content.php?content_ID=705616

นำมาจาก 
http://webboard.serithai.net/topic/6830-conversations-with-thaksin-สนทนากับทักษิณ-by-tom-plate-แปลไทยโดย/

Posted Image
บทแนะนำหนังสือ โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล

[Plate, Thomas, Conversations with Thaksin - From Exile to Deliverance: Thailand’s Populist TycoonTells His Story, Giants of Asia Series, Marshall Cavendish Editions, Singapore, 2011, 252 pages, ISBN: 978-981-4328-68-5]


[Plate, Thomas, Conversations with Thaksin - From Exile to Deliverance: Thailand’s Populist TycoonTells His Story, Giants of Asia Series, Marshall Cavendish Editions, Singapore, 2011, 252 pages, ISBN: 978-981-4328-68-5]

[ตอนที่ 1]

ทุกครั้งที่พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร (คุณทักษิณฯ) พูด หรือให้สัมภาษณ์ จะสามารถเรียกร้องความสนใจจากสาธารณชนไทยเสมอ เพราะทุกเรื่องที่คุณทักษิณพูดหรือวิจารณ์จะมีผลกระทบต่อสังคมไทย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ไม่น้อยก็มาก และหลายเรืื่องที่คุณทักษิณพูดก็จะมีผลกระทบต่อคุณทักษิณเองมากยิ่งกว่าน้อย

หนังสือจากการสนทนาเล่มนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ยืนยันความจริง
จากความเห็นในย่อหน้าข้างบน

“Conversation with Thaksin” เขียนโดย Tom Plate (ทอม เพลท) จากการสนทนากับคุณทักษิณ ที่นคร Dubai, United Emirates - UAE (ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยู.เอ.อี) เป็นการสนทนาในเดือนธันวาคม ปี 2010 แยกเป็นการคุยกันที่บ้านพักชานเมืองในเขต Emirates Hills ของคุณทักษิณสี่ครั้ง ครั้งละสองชั่วโมง และที่ร้านอาหารบนอาคารสูง Burj Khalifa อีกหนึ่งครั้ง ต่อมาอีกครึ่งปี ในกลางปี 2011 มีการสนทนารอบที่หกระหว่างรับประทานอาหารค่ำร่วมกันเป็นการเพิ่มเติมปรับแก้ข้อมูล ตลอดช่วงเวลาทั้งหมดนี้ Tom Plate ยังได้ติดต่อคุณทักษิณฯผ่าน E-mail เป็นระยะๆ, โทรศัพท์คุยกันครั้งสองครั้ง [“a phone call or two” (p.3)], คุยผ่านคอมพิวเตอร์ระบบ Skype ระหว่าง Tom Plate ที่ Los Angeles กับ คุณทักษิณฯที่ Dubai

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557

ภาพการชุมนุมที่ 5 แยกลาดพร้าว วันที่ 14 มกราคม 2557 Reform Before Election thailand 14 jan 2014

          วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการ Shutdown bangkok เพื่อเป้าหมายในการล้มล้างระบอบทักษิณที่กัดกินประเทศไทยอย่างเลวร้าย ไม่ว่าอากาศจะร้อน กลางคืนจะหนาว ฝนจะตกทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างมุ่งมั่น วัยรุ่น หนุ่มสาว วันแก่ วัยกลางคน หรือเด็กน้อย ร่วมกันอยู่ในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วยแกนความคิดที่ว่า "อหิงสา" ในวันฝนตก คุณเดินออกจากบ้านจะกางร่มก่อนตากฝน หรือตากฝนจนเปียกแล้วค่อยกางร่มในบ้าน เป็นเหตุผลที่คนมีสติคิดได้ว่าควรเลือกแบบไหน
       ...เมื่อวิถีทางรัฐสภาใช้ไม่ได้ เนื่องจาก สส. สว. ประธานรัฐสภา องค์กรอิสระ ถูกซื้อ นโยบายนำไปสู่การทุจริตระดับฉิบหาย เสียงส่วนน้อยกว่าไม่ถูกเคารพ รัฐธรรมนูญโดนย่ำยี ตำรวจเป็นลิ่วล้อนักการเมืองเลว สถาบันอันเป็นที่รักถูกดูหมิ่นจาบจ้วง กฏหมายใช้การไม่ได้ รัฐบาลฉ้อฉล มุ่งหวังล้างผิดให้ตัวเอง นี่คือทางตันของประชาธิปไตยตามระบบเดิม เป็นชื่อระบบที่ถูกเรียกว่า ระบอบทักษิณ ที่ใคร ๆ ก็ต้องลุกขึ้นมาล้มล้าง
       ...รับจำนำข้าวเกินมูลค่าของ ขายไม่ออก สต๊อกไว้ให้พวกตัวเองขาย สีข้าวแล้วสต๊อกข้าวเน่า มันยิ่งกว่าโคตรขาดทุน ไม่มีเงินจ่ายชาวนา ทำอย่างไร???
       ...ไปเอาเงินฝากของประชาชน จาก ธกส. ไปเอาเงินฝากจาก ธ.ออมสิน ไปเอาเงินฝากจาก ธ.กรุงไทย ถามว่าเงินเหล่านั้นควรจะมาอยู่ในสภาวะเสี่ยงไหม จะมีปัญญาใช้เงินคืนไหม ในเมื่อรับจำนำขาดทุนยับ สุดท้ายต้องกู้ต่างประเทศมาละหรือ ปัญหานี้จะแก้ยังไงดี???
       ... วิธีที่ถูกต้องคือต้องขายข้าวให้ได้กำไร แล้วนำเงินส่วนนั้นมาจ่ายชาวนา แต่น่าสลดใจ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 57 รมต. กระทรวงพานิชย์ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าขายข้าวไปแล้วเท่าไหร่ ได้เงินเท่าไหร่ เหลือในสต๊อคเท่าไหร่จากข้าวทั้งหมด 18 ล้านตัน 


รถเจนเนอเรเตอร์วิ่งควบคู่กับรถเครื่องเสียงทำงานเชิงรุก