นายก-รัฐบาลสิ้นสภาพลงแล้วตามกฎหมายหลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
หลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 20 พ.ย. 2556 ที่ระบุชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรี ประธานสภา 312 ส.ส.-ส.ว. กระทำผิดรัฐธรรมนูญร้ายแรง ถึงขั้นล้มล้างการปกครองกรณีการปลอมแปลงเอกสารการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว.และเสียบบัตรแทนกัน
สิ่งที่ตามมาคือ ทำให้บุคคลข้างต้นทั้งหมด ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต เพราะเป็นบุคคลต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ
ซึ่งการชี้มูลของคณะกรรมการเลือกตั้ง ก็จะทำหน้าที่ชี้คุณสมบัติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ก็จะทำหน้าที่เอาผิด โดยยึดตามคำตัดสินของศาลเป็นหลัก โดยสิทธิและหน้าที่ส.ส.-ส.ว. จะสิ้นสุดลงตามคำสั่งศาล การจ่ายเงินเดือน รวมทั้งผู้ช่วยส.ส.-ส.ว. ที่ปรึกษา หรือตำแหน่งอื่นใดที่ผูกพันธ์จะต้องยุติลง เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การกระทำความผิดหรือวันที่ศาลตัดสิน
นอกจากนี้ การประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลของประธานสภา 312 ส.ส.-ส.ว. ข่มขู่ศาลของพรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง เข้าข่ายป. อาญา ม.113 หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรมาตรา 113 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
(2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญหรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
(3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
ซึ่งโทษปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบของนักการเมืองนั้น มีโทษจำคุก 1-10 ปี แต่การไม่รับอำนาจศาล ข่มขู่ศาล ล้มล้างการปกครอง-รธน.ตามมาตรา68ในรธน. มีโทษประหารชีวิต ในรธน.ได้ระบุชัดเจนว่า คำสั่งศาลได้ผูกพันธ์ทุกองค์กร
อันส่งผลให้ทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และส.ส. ของหญิงผู้น่าสังเวชได้สิ้นสุดลง ตั้งแต่ 20 พ.ย. 2556 หลังคำพิพากษาเป็นต้นมา ประเทศไทยไม่มีรัฐบาลปกครองประเทศตามกฎหมายอีกต่อไป เพราะรัฐบาลก็ถือว่าสิ้นสุดลงไปด้วยตามกฎหมาย ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการพลเรือน จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องปฎิบัติตามคำสั่งใดๆจากคณะรัฐมนตรีอีกต่อไป หรือบางคนอาจเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า "สูญญากาศ" ทางการเมืองก็ได้
"จงตอบแทนคนดีด้วยความดี จงตอบแทนคนชั่วด้วยความยุติธรรม"
เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
20 พฤศจิกายน 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น