วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ภาพภิกษุสันดานกา คนเสื่อม พุทธศาสนาเป็นนิรันดร์

ภาพที่ 1 ภาพภิกษุสันดานกา
เจ้าของผลงาน : นายอนุพงษ์  จันทร
ชื่อผลงาน : ภิกษุสันดานกา
วัสดุที่นำมาใช้ : สีอะคริลิคบนผ้าจีวร

          ความเสื่อมต่ำของจิตใจมนุษย์เกิดขึ้นได้ในทุก ๆ คน ทุก ๆ สถานะ เมื่อแพ้อธรรมในใจเราเองกิเลสและความดิบเถื่อนก็ครอบงำ พุทธศาสนามีคำสอนอันเป็นอมตะธรรมชาติไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียงมารในคราบสาวกเท่านั้นที่สร้างภาพความเสียหาย แต่มันก็แค่ภาพที่ไม่อาจทำลายแก่นแห่งศาสนาได้
          สาวกแห่งศาสนาพุทธในสมัยพุทธกาลหลังจากพระพุทธเจ้าดับดับขันธปรินิพพาน ได้ออกมาประกาศว่าไม่มีพระพุทธเจ้าแล้วก็ไม่มีใครมาบังคับใช้กฏและศีลต่าง ๆ แล้วจะเห็นว่าความเสื่อมของตัวคนได้เกิดขึ้นมานานแล้วและเกิดขึ้นตลอดมา ทุกวันนี้ข่าวเรื่องพระสงฆ์เสื่อมถ่อยออกมาให้เห็นบ่อยเพราะว่าสามารถเข้าถึงสื่อได้ง่ายข่าวแพร่กระจายได้ง่าย โดยเฉพาะทาง Social Network เด่น ๆ เช่นเฟซบุ๊ค ทำให้เห็นความเสื่อมต่ำในตัวบุคคลได้ง่ายขึ้น และคำว่า ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์  อาจใช้ไม่ได้เสมอไป


ภาพที่ 2 ข้อความในเฟซบุ๊คพระรูปหนึ่ง 

      ข้อความนี้สะท้อนให้เห็นว่าตัวคนในคราบสาวกซึ่งไม่ต้องเรียกว่าพระที่ความเสื่อมต่ำเกะกินอยู่ในใจ ออกมาแสดงความคิดเห็นเมื่อญาติโยมปุถุชนออกมาจับผิดพระสงฆ์ ซึ่งอีกในแง่มุมนึงพระที่มองการจับผิดต่างกันออกมาแสดงความคิดเห็นดังนี้

ภิกขุ วีระวังสะ 'พระวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ ก็มาจากการตำหนิของชาวบ้านทั้งนั้น

ท่าน (ไม่รู้ว่าพรรษาเท่าไหร่ ขอเรียกเป็นกลางๆ)ควรสำนึกตนเองว่ามีชีวิตอยู่ได้ด้วยข้าวชาวบ้าน จตุปัจจัยที่เอามาจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ตเล่นเฟซบุ๊ค ก็มาจากญาติโยมถวายทั้งนั้น

ถ้าเขาเ
ห็นว่าพระสงฆ์ บางรูปทำไม่ถูกต้อง เขาตำหนิ มันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเขาเป็นผู้เลี้ยงพระอยู่ ก็อยากให้พระประพฤติดีปฏิบัติชอบ สมควรแก่ธรรม และคุ้มค่าก้อนข้าวที่ชาวบ้านยกมือไหว้ท่วมหัวแล้วถวายท่าน

ถ้าทนคำวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ก็ควรจะลาสิกขาออกไป

อย่า ทำตนเองเป็นเทวดาที่ใครก็วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ท่านไม่ได้เป็นพระอริยบุคคลที่ไหน เป็นปุถุชนสมมติสงฆ์ธรรมดาที่มีหน้าที่รักษาธรรมไว้ให้กับสังคม ก็ควรทำหน้าที่ของตนเอง

แท้จริงแล้วอุบาสกอุบาสิกาที่ตำหนิพระ โดยส่วนมากก็ปรารถนาให้พระดีพอที่เขาจะไม่ต้องเสียดายกับข้าวกับปลาที่ถวายให้ฉัน

ใน พระวินัยปิฎกจุลวรรค มีเรื่องว่าพระภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อพระสุธรรมไม่พอใจที่จิตตคฤหบดีผู้ดูแลและถวายอุปฐากวัดที่ท่านอยู่ ได้นิมนต์พระเถระที่เดินทางมาในเมืองนั้นให้ฉันอาหาร โดยไม่ได้นิมนต์ท่านก่อน แต่นิมนต์ทีหลัง พระสุธรรมไม่พอใจที่จิตตคฤหบดีไม่ไว้หน้าตนเอง จึงได้กล่าวด่าจิตตคฤหบดี แล้วออกจากเมืองนั้นมา พอท่านมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วเล่าเรื่องราวให้พระองค์ฟัง พระพุทธเจ้ากลับตรัสว่า

"ดู ก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั้น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร มิใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ จิตตคหบดีผู้มีศรัทธาเลื่อมใส เป็นทายก กัปปิยการกบำรุงสงฆ์ ไฉนเธอจึงได้พูดกด พูดข่ม ด้วยถ้อยคำอันเลวเล่า

ดู ก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส....ครั้นแล้วทรงทำธร รมีกถารับสั่งกะพระภิกษุทั้งหลายว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงทำปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุสุธรรมคือ ให้เธอขอขมาจิตตคหบดี."

พระ พุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญกับศรัทธาของชาวบ้าน ถ้าพระสงฆ์ประพฤติไม่เหมาะสม ชาวบ้านผู้มีศรัทธามาตักเตือนแล้วยังด่าชาวบ้านอีกนี่ พระองค์ทรงให้สงฆ์ลงโทษภิกษุนั้นด้วยปฏิสารณียกรรม (การให้ไปขอขมาโทษชาวบ้าน) พระองค์ไม่ได้ทรงถือว่าพระสงฆ์จะมีสิทธิพิเศษที่ชาวบ้านตำหนิติเตียนไม่ได้ ก็หาไม่'


ดังภาพประกอบที่  1
ภิกษุทั้งหลาย! กา เป็นสัตว์ที่ประกอบไปด้วยความเลว ๑๐ ประการคือ
  1. กา เป็นสัตว์ทำลายความดี
  2. กา เป็นสัตว์คะนอง
  3. กา เป็นสัตว์ทะเยอะทะยาน
  4. กา เป็นสัตว์กินจุ
  5. กา เป็นสัตว์หยาบคาย
  6. กา เป็นสัตว์ไม่กรุณาปรานี
  7. กา เป็นสัตว์ต่ำช้า
  8. กา เป็นสัตว์ร้องเสียงอึง
  9. กา เป็นสัตว์ปล่อยสติ
  10. กา เป็นสัตว์สะสมของกิน

ภิกษุทั้งหลาย! กาเป็นสัตว์ที่ประกอบด้วยความเลว ๑๐ ประการเหล่านี้ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุลามกก็เช่นเดียวกับกานี้แหละ เป็นคนประกอบด้วย อสัทธรรม ๑๐ ประการ คือ
  1. ภิกษุลามก เป็นคนทำลายความดี
  2. ภิกษุลามก เป็นคนคะนอง
  3. ภิกษุลามก เป็นคนทะเยอทะยาน
  4. ภิกษุลามก เป็นคนกินจุ
  5. ภิกษุลามก เป็นคนหยาบคาย
  6. ภิกษุลามก เป็นคนไม่กรุณาปราณี
  7. ภิกษุลากมก เป็นคนต่ำช้า
  8. ภิกษุลากมก เป็นคนพูดเสียงอึง
  9. ภิกษุลามก เป็นคนปล่อยสติ
  10. ภิกษุลามก เป็นคนสะสมของกิน

ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุลามกเป็นคนประกอบด้วย อสัทธรรมสิบประการเหล่านี้ และ

(คัดจากบาลีพระพุทธภาษิต ทสก.องฺ ๔/๑๕๙/๗๗ ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ถ้าใครจะเรียกภิกษุรูปใดว่าเป็นภิกษุลามก ภิกษุนั้นคงโกรธมาก เพราะถือเป็นการประณามที่หนักแต่พระพุทธเจ้าจำแนกลักษณะของภิกษุลามกไว้ถึง ๑๐ อย่าง ภิกษุหรือฆราวาสทั่วไปน่าจะจำลักษณะเหล่านี้ไว้เป็นสูตรวัด ความเป็นภิกษุไม่ว่าเถระหรือลูกวัด เพื่อจะได้รู้ว่าเรากราบไหว้ภิกษุดี หรือภิกษุลามก)

รวมความคิดเห็นจากญาติโยม
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151705061313291&set=a.411063588290.186101.141108613290&type=1&theater

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น