วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"เขยฝรั่ง" มาร์ติน วีลเลอร์ เปิดอกโต้ข้อกล่าวหาต่างด้าว "แย่งที่ดิน" หรือคนไทยขายแผ่นดินกันแน่?



ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนทั่วไทย  จะพบเขยฝรั่ง

ถ้าอยู่กันมากๆ ก็กลายเป็นหมู่บ้านคนต่างด้าวไปเลย
 
มีทั้งหมู่บ้านออสเตรีย หมู่บ้านเยอรมัน หมู่บ้านสวีเดน หมู่บ้านสวิสฯ  หมู่บ้านญี่ปุ่น  และหมู่บ้านนานาชาติอื่นๆ
 
 
ปรากฏการณ์เขยฝรั่งกระจายออกไปทั่วประเทศไทย   จนเกิดเป็นความกังวลใจว่า ฝรั่งจะครอบครองที่ดินของคนไทย  ล่าสุดมีการอ้างว่า คนต่างด้าวครอบครองที่ดินในประเทศไทย 30-100 ล้านไร่  

หลายปีก่อนมีข่าวว่า ต่างชาติ เข้ามากว้านซื้อที่ดินทำนา  แต่ก็ตรวจสอบไม่พบสักรายเดียว
 
มาร์ติน วีลเลอร์   หนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษ เขยฝรั่งรุ่นแรกๆ  ของประเทศไทย  เมื่อ 20 ปีก่อน   ได้รับเชิญมาพูด ปัญหาการเข้ามาถือสิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว บนเวทีของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อไม่นานมานี้
   
ปัจจุบัน มาร์ติน วัยเฉียด 50 ปี   ประกอบอาชีพเกษตรกรรมในครอบครัวของภริยาที่ชื่อ รจนา ที่จ.ขอนแก่น มีลูกด้วยกัน 3 คนทุกคนมีสัญชาติไทย
 
 
บนเวที มาร์ติน ตกเป็นจำเลย ในข้อกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวที่ต้องการเข้ามาครอบครองที่ดินในประเทศไทย
 
เขยฝรั่งชาวอังกฤษ ผู้นี้ ออกตัวว่า   " จริงๆ แล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ได้มีสิทธิในที่ดินใดๆทั้งสิ้น ที่ดินทั้งหมดเป็นของภรรยาผม ทั้งหมดเลย    คนที่มีอำนาจในการขายที่ดินไม่ใช่ผม แต่คือเมียผม   "
 
 " ผมอยู่ไทยมา 19 ปี ตอนแรกที่มานั้นมาเที่ยวเฉยๆ ไม่ได้จะมาประกอบอาชีการเกษตร ผมเจอภริยาที่ภูเก็ต    ภรรยาผมมาจากขอนแก่น ต่อมาภรรยาก็บอกว่าอยากกลับบ้าน ภริยาผมเป็นคนรวย เพราะมีที่ดินในครอบครอง   ถ้าเป็นคนอังกฤษนี่ เรื่องที่ดินไม่ต้องพูดถึงเลย คนอังกฤษเป็นเจ้าของที่ทำกินแค่ 0.5% ของประชากร คนที่ครอบครองที่ดิน ในอังกฤษได้ต้องเป็นพวกขุนนาง เป็นนักธุรกิจ เป็นคนรวย  คนอังกฤษส่วนใหญ่เป็นลูกจ้าง ไม่มีที่ดินครอบครอง  เมื่อผมมาอยู่อีสาน ผมรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นเยอะ"
 

" ผมว่า เดี๋ยวนี้ ฝรั่งมาอยู่ในประเทศไทยเยอะ  เขยฝรั่งเยอะมาก   แต่ฝรั่งส่วนมากที่มาอยู่อีสาน  อาจจะมีที่ดินจำนวนหนึ่ง อาจจะเป็นคนละสิบไร่ ยี่สิบไร่ สามสิบห้าไร่  ห้าสิบไร่ซึ่งจะอยู่ในชื่อของเมีย   ไม่ได้มีเป็นร้อยไร่ พันไร่  เพราะฝรั่งอีสาน ไม่ได้รวยอะไร    ฝรั่งส่วนใหญ่ที่มาเอาเมียไทยส่วนมากเป็นฝรั่งที่ฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พูดง่ายๆคือเป็นชาวบ้าน  ไม่ใช่นายทุน เป็นคนรับจ้าง หาเช้ากินค่ำ แต่ว่ามาจากเมืองนอก เพราะฉะนั้นเวลามาอยู่เมืองไทยก็มีเงินนิดหน่อย  และต้องยอมรับว่าเมียฝรั่งส่วนมากเป็นชาวบ้าน เขยฝรั่งส่วนใหญ่ที่มาอยู่นี่ไม่ใช่นายทุน ไม่ได้เพื่อทำธุรกิจ จริงๆแล้วเป็นเขยฝรั่งที่ช่วยเมียทำนาข้าวเหนียว"
 
  " ฝรั่งที่ไปอยู่อีสานนี่เป็นคนละแบบกันเลย   ถ้า ผมทำที่อังกฤษรับจ้างแป๊ปเดียวก็เป็นหมื่นแล้ว  เราไม่ใช่นายทุน  ไม่ได้มีการเก็งกำไรอะไร แต่จริงๆ แล้ว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขยฝรั่ง  ปัญหาอยู่ที่คนไทยไม่เห็นคุณค่าของที่ดิน   ไม่มีใครอยากเป็นเกษตรกร คนไทยอยากเป็นลูกจ้าง  ลูกหลานเกษตร ไม่มีใครอยากทำนา "

 
เดิมคนไทย อะลุ่มอล่วย ง่ายๆ สมัยก่อนก็ไม่ค่อยมีปัญหาหรอก เพราะคนไทยอยู่แบบพอมีพอกิน  ฝรั่งส่วนมากที่อยู่อีสานมีปัญหามากที่สุดคือ เรื่องวัฒนธรรม  เพราะวัฒนธรรมฝรั่งคิดแบบปัจเจก ชีวิตใครชีวิตมัน แต่ในประเทศไทย โดยเฉพาะในอีสานหรือในชนบท วัฒนธรรมเป็นแบบวัฒนธรรมร่วม พึ่งพาอาศัยกัน  แต่ระยะหลังคนไทยเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้เป็นฝรั่ง    แนวคิดของคนไทย มองเรื่องความสำเร็จส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม

 
มาร์ติน เห็นว่า  เมืองไทยเหมาะกับเกษตรกรรม มากที่สุด  อุตสาหกรรมนี่คุณไปทำที่ไหนก็ได้ แต่เรื่องของการเกษตรเป็นเรื่องเฉพาะ ที่ดินในประเทศไทยเหมาะสมที่สุดที่จะทำการเกษตร   ถ้าวันใด คนไทยต้องซื้อข้าวเขากินนี่ฝรั่งก็คงต้องอุทานว่า "คนไทยเสียกรุงเสียแล้ว" .

มาร์ติน ยืนยันว่า   สิ่งที่ต้องแก้ไขโดยด่วนในประเทศไทยคือ เรื่องการศึกษา    ต้องปฎิรูปให้คนไทยเห็นคุณค่าของภาคเกษตรกรรม

" อย่างคนอีสานนี่อยากให้ลูกเป็นอะไรก็ได้ แต่อย่าเป็นเกษตรกรก็แล้วกัน เพราะภาพลักษณ์เกษตรกร ไม่ค่อยหรู มันเหนื่อย โง่ จน เจ็บ แล้วก็ติดหนี้อย่างเดียว แต่ทุกวันนี้ฝรั่งกลับเห็นว่าเกษตรกรเป็นอาชีพอิสระ แต่แปลกมากที่คนไทยทุกวันนี้ อยากไปรับจ้าง จริงๆทุกวันนี้การเกษตรน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ว่าค่านิยมของสังคม และจุดอ่อนของคนไทยที่ไม่รัก ไม่ภูมิใจในตัวเอง  แล้วคนไทยก็ขายที่ดิน  อย่างนี้จะโทษต่างชาติได้อย่างไร "    เขยฝรั่งชื่อ มาร์ติน วีลเลอร์   กล่าวในที่สุด

ที่มา : ภาพจาก chawanbhorn.com | เรื่อง : matichon.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น