วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

“สหรัฐฯ”โต้ “ฮิวแมนไรท์วอช” อ้าง “ปฎิบัติการโดรน” ไม่ขัดกฏหมายระหว่างประเทศ - uav killer

“สหรัฐฯ”โต้ “ฮิวแมนไรท์วอช” อ้าง “ปฎิบัติการโดรน” ไม่ขัดกฏหมายระหว่างประเทศ - “ชารีฟ” ร้องให้ยุติใช้โดรนโจมตีในปากีสถาน



เอเจนซีส์ - สหรัฐฯได้กล่าวปฎิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า “ปฎิบัติการโดรน” ในเยเมนและปากีสถานหรือที่อื่นที่สหรัฐฯได้ใช้เพื่อสังหารเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์นั้น “ขัดกฏหมายระหว่างประเทศ” ตามที่องค์กรนิรโทษสากลและกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้กล่าวหาก่อนหน้านี้ และในวันอังคาร(22) นายกรัฐมนตรีปากีสถาน นาวาซ ชารีฟ เรียกร้องให้สหรัฐฯยุติปฎิบัติการโดรนในปากีสถาน อ้างหากดำเนินต่อจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศ ในการขึ้นพูดที่ US Institute of Peace (USIP)

การปฎิเสธของสหรัฐฯในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากองค์กรนิรโทษสากลและกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้กล่าวหาถึงโครงการโดรนล่าสังหารที่สหรัฐฯใช้เพื่อตอบโต้เครือข่ายอัลกออิดะห์ในเยเมนและปากีสถานหรือที่อื่นๆนั้น “ขัดกฏหมายระหว่างประเทศ” ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นก่อนที่นายกรัฐมนตรีปากีสถาน นาวาซ ชารีฟ จะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว ในวันพุธ(23) นอกเหนือจากเรื่องร้อนๆที่สหรัฐฯกล่าวหาปากีสถานว่า แอบช่วยกลุ่มก่อการร้ายตอลีบานอยู่ลับๆ ซึ่งในการพบปะครั้งนี้ สหรัฐฯมีแผนที่จะให้การช่วยเหลือปากีสถานด้วยตัวเลข 1.6 พันล้าน โดยก่อนหน้านี้ในวันอังคาร(22)ชารีฟขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่ US Institute of Peace (USIP) ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯยุติปฎิบัติการโดรนในปากีสถาน โดยทางชารีฟกล่าวว่า “โดรนนั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของปากีสถานและสหรัฐฯต้องสั่นคลอน ดังนั้นผมจึงขอยืนยันอย่างหนักแน่นในความต้องการให้ยุติโครงการนี้เสีย”

ทางด้านโฆษกทำเนียบขาว เจน์ คาร์นีย์ กล่าวว่า “เรากำลังพิจารณารายงานของกลุ่มฮิวแมนไรท์วอชอย่างถี่ถ้วน” นอกจากนี้ คาร์นีย์ยังกล่าวต่อไปว่า “เมื่อดูจากรายงานขององค์กรนิรโทษสากลและกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่อ้างว่าสหรัฐฯได้ละเมิดกฏหมายระหว่างประเทศนั้น สหรัฐฯขอยืนกรานปฎิเสธอย่างสิ้นเชิง ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบได้พิจารณาอย่างระมัดระวังและถี่ถ้วนเป็นพิเศษว่าปฎิการต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯนั้นอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่กำหนดไว้”

นอกจากนี้ คาร์นีย์ยังเสริมด้วยว่า ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศที่สหรัฐฯใช้ในการจัดการสังหารผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายแทนที่จะส่งกำลังทหารหรือการใช้อาวุธประเภทอื่นนั้น ทางวอชิงตันได้เลือกทางปฎิบัติที่จะส่งผลข้างเคียงน้อยที่สุดที่จะไม่ให้มีการสูญเสียชีวิตกับพลเรือน”

โดยก่อนหน้านี้ในวันอังคาร(22) ทางองค์กรนิรโทษสากลและกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ร่วมกันเรียกร้องให้สภาคองเกรสของสหรัฐฯสอบสวนอย่างละเอียด พร้อมกับแสดงถึงหลักฐานที่หลายครั้งรัฐบาลสหรัฐฯได้ใช้อากาศยานไร้คนขับในปฎิบัติการต่อต้านก่อการร้ายละเมิดกฏหมายระหว่างประเทศ

โดยทางกลุ่มฮิวแมนไรท์วอชได้เจาะจงไปที่ปฎิบัติการใช้โดรนในเยเมนจำนวน 6 ครั้ง สังหารประชาชนในเยเมน ในปี 2009 และอีก 5 ครั้งในปี 2012-2013 โดยทำให้ชาวเยเมนเสียชีวิตไป 82 คน และยังพบว่า มีจำนวนถึง 57 คนหรือ70% ของจำนวนทั้งหมดที่เสียชีวิตนั้นเป็นพลเรือน และการวิเคราะห์ของหน่วยงานเอ็นจีโอแห่งนี้พบว่า “การโจมตี 2 ครั้งจากทั้งหมด 6 ครั้งนั้นขัดกฎหมายระหว่างประเทศ” และนอกจากนี้ การโจมตีทั้งหมดที่ทั้ง 6 ครั้งนั้นยังไม่เป็นไปตามนโยบายของโอบามาที่ได้แถลงไว้ในเดือนพฤษภาคม ต้นปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ในรายงานขององค์กรนิรโทษสากล ที่ได้เจาะจงไปที่ปฎิบัติการโดรนจำนวน 9 ครั้งจากจำนวนทั้งหมด 45 ครั้งในแถบทางตอนเหนือของวาซิริสถาน ปากีสถาน ช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2012 จนถึงเดือนสิงหาคม 2013 เป็นแถบที่สหรัฐฯมุ่งโจมตีกลุ่มก่อการร้ายในปากีสถานอย่างหนักหน่วง โดยรายงานขององค์กรได้เจาะจงไปที่กรณีของ “ มามานา บีบี” ชาวปากีสถาน วัย 68 ปี ที่ถูกสังหารด้วยปฎิบัติการโดรนของสหรัฐฯในเดือนตุลาคม 2012 ในระหว่างที่เธอกำลังเก็บผักอยู่กับหลาน และรายงานฉบับนี้ยังได้วิเคราะห์ถึงการโจมตีของโดรนแบบ “double-tab” หรือการที่จรวดมิสไซล์ลูกที่สองจะถูกปล่อยออกตามลูกแรกหากพบว่าเป้าหมายสังหารนั้นได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม ทางองค์กรไม่ได้รายงานถึงตัวเลขที่แน่นอนของพลเมืองที่เสียชีวิตจากการถูกสังหารด้วยโดรน

โดยในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทางยูเอ็นได้มีการประเมินตัวเลขผู้เสียชีวิตในปากีสถานและเยเมนจากปฎิบัติการโดรนของสหรัฐนั้นพบว่า มีตัวเลขพลเรือนปากีสถานเสียชีวิตอย่างน้อย 400 คน และมีจำนวนพลเรือนหลายสิบคนในเยเมนที่เสียชีวิต

ที่มา : manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000132834

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น