#เรื่องราวของเชอโนบิลที่ Elena ไปสำรวจถ่ายภาพและบันทึกเรื่องราวน่าสนใจมากไว้ที่นี่
#เรื่องราวเชอร์โนบิลภาษาไทยจาก วิกิพีเดีย
#โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกุชิม่า ไดอิจิ
#เหมืองยูเรเนียม
#เทคโนโลยีนิวเคลียร์
สาเหตุของระเบิดทำลายล้างที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล วิธีการดำเนินการเก็บกวาดที่มีผลกระทบต่อผู้คนมากมาย และ สถานะปัจจุบันของเชอร์โนบิล
ใน
วันที่ 26 เมษายน 2529 ได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ขึ้นที่หน่วยที่ 4
ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน อดีตสหภาพโซเวียตโซเชียลลิส
ทีม
ปฏิบัติการวางแผนที่จะทดสอบว่ากังหันจะสามารถผลิตพลังงานเพียงพอที่จะทำให้
เครื่องปั๊มความเย็นทำงานเมื่อสูญเสียพลังงานหรือไม่
ก่อนที่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานดีเซลฉุกเฉินจะเริ่มทำงาน
เพื่อ
ป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าของเครื่องปฏิกรณ์ขัดข้อง
ระบบรักษาความปลอดภัยได้ถูกปิดโดยเจตนา
และมีการลดกำลังไฟฟ้าของเครื่องปฏิกรณ์ลง 25%
ซึ่งกระบวนการนี้ไม่เป็นไปตามแผน
โดยกำลังไฟฟ้าของเครื่องปฏิกรณ์ลดลงเหลือต่ำกว่า 1%
ดังนั้นจึงต้องเพิ่มกำลังไฟฟ้าขึ้นอย่างช้าๆ แต่ 30 วินาทีหลังเริ่มทดสอบ
กำลังไฟฟ้าได้พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิด
และระบบหยุดทำงานฉุกเฉินของเครื่องปฏิกรณ์
(ซึ่งใช้สำหรับหยุดปฏิกิริยาลูกโซ่) ล้มเหลว
โลงศพโบราณคืออะไร
หลัง
เกิดเหตุระเบิด มีการสร้าง "โลงศพโบราณ" (สิ่งห่อหุ้ม) ขนาดใหญ่
ที่ทำด้วยคอนกรีต เพื่อปกคลุมเครื่องปฏิกรณ์หน่วยที่ 4 ที่ถูกทำลาย
โลงศพนี้ถูกออกแบบมาเพื่อหยุดการปล่อยรังสีเพิ่มขึ้นขึ้นสู่บรรยากาศ
ภาระ
กิจแรกในการควบคุมเครื่องปฏิกรณ์ที่ลูกทำลายคือการสร้าง
"แผ่นหินหนาสำหรับทำความเย็น" ใต้เครื่องปฏิกรณ์
เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเพลิงที่ยังร้อนอยู่เผาไหม้ผ่านหลุมที่ฐานเครื่อง
ปฏิกรณ์ คนงานเหมืองถ่านหินถูกเกณฑ์ไปเพื่อขุดอุโมงค์ใต้เครื่องปฏิกรณ์
และภายในวันที่ 24 มิถุนายน คนงานเหมือง 400 คนสามารถสร้างอุโมงค์ยาว 168
เมตรใต้เครื่องปฏิกรณ์ได้สำเร็จ
โลงศพโบราณที่ห่อหุ้มเครื่องปฏิกรณ์ที่เชอร์โนบิล
ภาย
ในเดือนพฤศจิกายน 2529
โลงศพโบราณที่ห่อหุ้มเครื่องปฏิกรณ์ได้สร้างเสร็จสิ้น
โดยใช้เหล็กกล้ามากกว่า 7,000 ตัน และคอนกรีต 410,000 ลูกบาศก์เมตร
โลง
ศพโบราณถูกออกแบบมาให้มีอายุ 20-30 ปี ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือความไม่มั่นคง
เพราะมันถูกสร้างอย่างรีบเร่ง เหล็กที่เป็นคานหนุนถูกกัดกร่อน
ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อบูรณาการของโครงสร้างทั้งหมด
น้ำได้รั่วซึมเข้าไปในโลงศพผ่านทางรูบนหลังคา
และถูกปนเปื้อนด้วยกัมมันตภาพรังสี
จากนั้นจึงไหลซึมผ่านพื้นเครื่องปฏิกรณ์ลงสู่ดินข้างใต้
นักวิทยา
ศาสตร์คาดการณ์ว่าหายนะจากนิวเคลียร์ครั้งต่อไปในระดับความรุนแรงเท่ากับที่
เชอร์โนบิลจะเกิดขึ้นอีกที่เชอร์โนบิล เนื่องจากมีเกราะป้องกันที่บอบบาง
ไม่
มีใครทราบแน่ชัดว่าเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ในเครื่องปฏิกรณ์มีปริมาณเท่าใด
แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนมากประมาณการว่าเหลือมากกว่า 95%
ของเชื้อเพลิงทั้งหมด นอกจากนี้ สิ่งที่ถูกทิ้งไว้ในโลงศพ คือ
กากนิวเคลียร์เป็นพันคิวบิกเมตรที่เกิดจากชิ้นส่วนของเครื่องปฏิกรณ์ที่ถูก
ทำลาย นอกจากนี้ดินที่ปนเปื้อนยังถูกทิ้งไว้ในโลงศพด้วย
ธาตุของเชื้อเพลิงใน
เครื่องปฏิกรณ์ปะทุออก ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ฝาปิดสนิทน้ำหนัก
1,000 ตันของเครื่องปฏิกรณ์ระเบิดออก อุณหภูมิมากกว่า 2,000
องศาเซลเซียสทำให้แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลาย
ตะกั่วดำที่ใช้เคลือบเครื่องปฏิกรณ์ติดไฟ และลุกไหม้เป็นเวลา 9
วันทำให้รังสีปริมาณมหาศาลกระจายสู่สิ่งแวดล้อม
อุบัติเหตุครั้งนี้ปล่อยรังสีออกมามากกว่าการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลงบนฮิโร
ชิมา ประเทศญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม 2488
การเก็บกวาด
ความ
พยายามในช่วงแรกๆ ที่จะดับไฟที่กำลังลุกไหม้เครื่องปฏิกรณ์ คือ
การฉีดน้ำเย็นไปที่เครื่องปฏิกรณ์ หลังฉีดน้ำ 10 ชั่วโมง
ไม่มีการดำเนินการใดต่ออีก ในวันที่ 27 เมษายน - 5 พฤษภาคม
เฮลิคอปเตอร์ของทหารมากกว่า 30
ลำบินขึ้นเหนือเครื่องปฏิกรณ์ที่กำลังลุกไหม้ และทิ้งตะกั่ว 2,400 ตัน
และทราย 1,800 ตันลงไป เพื่อพยายามดับไฟและดูดซับรังสี
ความพยายาม
ดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ แท้จริงแล้วกลับทำให้สถานการณ์แย่ลง
เพราะความร้อนได้ทับถมใต้วัสดุที่ถูกทิ้งลงไป
ทำให้อุณหภูมิของเครื่องปฏิกรณ์เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
รวมถึงรังสีปริมาณมากถูกปล่อยออกมา ในช่วงสุดท้ายของการดับไฟ
แกนของเครื่องปฏิกรณ์ถูกทำให้เย็นลงด้วยไนโตรเจน
ไฟที่ลุกไหม้และการปล่อยกัมมันตภาพรังสีไม่สามารถถูกควบคุมได้จนถึงวันที่ 6
พฤษภาคม
แม้จะเป็นอันตรายอย่างเ้ห็นได้ชัด
แต่การรับมือกับหายนะครั้งนี้ต้องใช้คน ไม่ใช่คนจำนวนน้อย แต่เป็นหลายพันคน
ที่ต้องเสียสละชีวิตและสุขภาพเพื่อความพยายามที่เปล่าประโยชน์ในการควบคุม
หายนะครั้งนี้ คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า "นักกู้ภัย"
นักดับเพลิง 600
คน ของหน่วยดับเพลิงของโรงไฟฟ้า
และทีมปฏิบัติการของโรงไฟฟ้าคือกลุ่มผู้ได้รับรังสีรุนแรงที่สุด
โดยในกลุ่มนี้ 130
คนได้รับรังสีในปริมาณเท่ากับขีดสูงสุดต่อปีของการได้รับรังสีของคนงานรวม
650 ปี บุคลากรทางการทหารหลายพันคนและคนงานจากที่อื่นๆ
ถูกเกณฑ์ไปช่วยเคลื่อนย้ายวัสดุกัมมันภาพรังสีที่อันตรายถึงชีวิต
โดยมีการป้องกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
คนงาน 31
คนเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน 600,000 - 800,000
คนมีส่วนในการปฏิบัติการเก็บกวาดที่เชอร์โนบิลจนถึงพ.ศ. 2532 ในกลุ่มนี้
300,000 คนได้รับรังสีเกินขีดสูงสุดสำหรับประชาชน 500 เท่าเป็นเวลา 1 ปี
ปัจจุบันผู้ที่รอดชีวิตยังทุกข์ทรมานกับสุขภาพที่ถูกทำลาย
คำถามที่
ว่า
จนถึงปัจจุบันคนเหล่านั้นได้เสียชีวิตไปกี่คนเป็นคำถามที่เป็นที่โต้เถียง
กันมาก หน่วยงานรัฐบาลในอดีตประเทศในสหภาพโซเวียต 3
ประเทศที่มีประชาชนได้รับผลกระทบระบุว่า จนถึงปัจจุบัน "นักกู้ภัย" ประมาณ
25,000 คน ได้เสียชีวิตลง แต่สมาคมเพื่อนักกู้ภัยทั้งหลายใน 3
ประเทศนี้ได้ประมาณการตัวเลขที่มากกว่าตัวเลขของทางการมาก ในทางตรงกันข้าม
รายงานจากการประชุมเชอร์โนบิลในพ.ศ. 2548
ระบุตัวเลขของการเสียชีวิตของนักกู้ภัยที่น้อยกว่ามาก
ตัวเลขที่ไม่
ตรงกันนี้เกิดจากวิธีการในการประเมินที่ต่างกัน นอกจากนี้สถิติของนักกู้ภัย
(จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและปริมาณรังสีที่ได้รับ)
ถูกบิดเบือนโดยหน่วยงานต่างๆ ของโซเวียต
ดังนั้นจึงอาจไม่มีวันทราบตัวเลขที่น่าเชื่อถือที่สุดได้
การสิ้นสุดของหายนะ?
ใน
วันที่ 22 ธันวาคม 2531 นักวิทยาศาสตร์ของโซเวียตประกาศว่า "โลงศพโบราณ"
ที่ปัจจุบันใช้ห่อหุ้มเครื่องปฏิกรณ์นั้นถูกออกแบบให้มีอายุเพียง 20-30 ปี
3
ปีหลังเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล
รัฐบาลโซเวียตสั่งหยุดสร้างเครื่องปฏิกรณ์หน่วยที่ 5 และ 6
ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ครบวงจรเชอร์โนบิล
และหลังการเจรจาระหว่างประเทศที่ยืดเยื้อหลายครั้ง
โรงไฟฟ้าทั้งพื้นที่ถูกปิดตัวลง 14 ปีหลังเกิดอุบัติเหตุในวันที่ 12
ธันวาคม 2543
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น