ภาพประกอบ กลุ่มประเทศอาหรับ (credit:siamintelligence.com) |
ภาพประกอบ บาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย |
บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้รับการเลือกตั้งหลังจากการเสียชีวิตของพ่อของเขา ซึ่งตระกูลอัสซาดปกครองมายาวนานหลังจากพ่อของอัสซาสเสียชีวิต อัสซาสก็ได้รับเลือกตั้งขึ้นเป็นผู้นำและเป็นผู้นับถือศาสนานิกายที่แตกต่างจากประชาชนส่วนใหญ่ 74% ซึ่งทั้งสองนิกายมีความขัดแย้งกันอยู่แล้วยิ่งเป็นเชื้อไฟให้ประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้าน การต่อสู้ช่วงแรก ๆ ดำเนินไปเพื่อเรียกร้องอิสระภาพ
การดิสเครดิตและอ้างความชอบธรรมในสงครามเกิดขึ้นเสมอ ในขณะที่อิสราเอลเป็นศัตรูของซีเรีย เมื่อเห็นโอกาสตรงนี้จึงไม่รอช้าที่จะดำเนินการสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ด้วยซีเรียเป็นยุทธศาสตร์ทางทหาร ที่สำคัญซีเรียมีอุดมการณ์เดียวกับ เลบานอน และอิหร่าน คือการปลดปล่อยปาเลสไตน์ และซีเรียยังเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มก่อการร้าย คู่แค้นอิสราเอลอีกด้วย หาก 3 ประเทศร่วมมือกัน อิสราเอลจะลำบากอีกครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้การต่อสู้เพื่ออิสระภาพกลายเป็นการต่อสู้แบบสงครามตัวแทน หลังจากมีการใช้อาวุธเคมีที่ถือว่าไร้มนุษยธรรมเกิดขึ้น อัสซาดถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อการครั้งนี้ ซึ่งอัสซาดได้ออกมายืนยันจุดยืนว่าไม่ได้เป็นผู้ใช้อาวุธเคมีดังกล่าว ซึ่งอัลซาดรู้ดีว่าหากใช้อาวุธเคมีก็เท่ากับเรียกอเมริกาเข้ามาช่วยฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ถ้าเราหันไปมองอิสราเอลเป็นตัวแปรสำคัญในการก่อการครั้งนี้ วีรกรรมของหน่วยมอสซาดที่เคยเล่นงานอียิปต์ย่อยยับมาแล้ว รวมถึงกลุ่มทหารรัฐบาลที่แปรพักต์แล้วการที่อาวุธเคมีตกไปอยู่ในมือฝ่ายต่อต้านก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย และหากการใช้อาวุธเคมีครั้งนี้โยนปาบให้รัฐบาลอัสซาด เพื่อให้เกิดความชอบธรรมที่ในการโจมตีซีเรียจากสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกและหากปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จผู้ที่ได้ประโยชน์อย่างใหญ่หลวง แผนที่อาจใหญ่ขึ้นก็คือ อิสราเอล นั่นเอง
ในขณะเดียวกัน จีน รัสเซียและอิหร่าน ออกคัดค้านการโจมตีซีเรียจากสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก โดยรัสเซียได้ส่ง เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธ “มอสควา” และและเรือต่อต้านเรือดำน้ำ ในสังกัดกองเรือทะเลดำ ไปประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้วเพื่อกดดันการปฏิบัติการครั้งนี้จนทำให้ปฏิบัติการต้องเลื่อนออกไป
ภาพประกอบ เรือรบติดขีปนาวุธมอสควา ติดอาวุธมิซาย P-500 ของรัสเซียที่สามารถทำลายเรือชั้นอาร์เลห์เบิร์กของอเมริกา ในลูกเดียว
|
อเมริกาเป็นตัวกลางที่มีส่วนร่วมในสงครามประเทศอื่นอยู่บ่อยครั้ง ซีเรียรบกันเสียหายมากพออยู่แล้ว มันต้องหาทางทำให้เกิดความสงบ แต่อเมริกากลับเลือกวิธีการ เติมไฟให้สงคราม ที่น่าสังเกตุก็คือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศษ ออกมายืนยันให้รีบโจมตี โดยไม่ต้องฟังผลสืบสวนจาก UN หรือนั่นเพราะไม่ต้องการให้เรื่องถูกสาวมาถึงตัว จึงรีบทำลายหลักฐาน เตรียมพร้อมที่จะยิงโทมาฮอคโจมตีฝ่ายรัฐบาลซีเรีย ข้ออ้างเดียวกันกับในอิรัค นักฆ่าหน้านักบุญ เป็นคำเปรียบเทียบอเมริกา ไม่ใช่ให้ดูเท่เป็นวีระบุรุษแน่นอน การแสดงท่าทีของอเมริกาเรื่องการลงโทษซีเรีย นั่นคือสัญญาณการพิฆาต บาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ในชะตากรรมเดียวกันกับ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียนั่นเอง
ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง
boston.com/news/world/middle-east/2012/10/10/civil-war-leaves-syrian-economy-cities-ruins/D5z55W9UV2JQo2gaLZxDII/story.html
Arleigh Burke
เขียน / เรียบเรียง : xsci
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น