วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โรงไฟฟ้าชีวมวล ภัยร้ายต่อชุมชน ผู้คน และธรรมชาติ

          ตอนพรีเซนต์โน้มน้าวชาวบ้านวาดฝันอย่างสวยงาม ทุกอย่างดีเลิศ เป็นมิตรกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชาวบ้านมีงานทำ นำเสนอแต่ข้อมูลด้านดี วิมานอากาศเหล่านั้นพังสลายไปเมื่อ โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลเดินเครื่อง พลิกสวรรค์เป็นนรก
          วิถีทางในการสรรค์หาพลังงงานไฟฟ้ามาใช้ในประเทศไทยเมืองที่กำลังต้องการพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น มาจากการซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน 52.28%  และผลิตได้เอง 47.72%  ส่วนของการผลิตเองนี่แหละเป็นต้นเหตุของปัญหา อย่างเช่น โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ที่เป็นเคราะห์กรรมของชาวบ้าน เป็นความเดือดร้อนของประชาชน แน่นอนว่าผลมาจากความ เห็นแก่ตัว ของผู้ผลิตพลังงาน ที่ไม่จัดการระบบผลิตให้ได้มาตรฐานอย่างสมบูรณ์ และชาวบ้านต่อสู้ไม่ชนะหรือชนะยากเมื่อได้สร้างโรงงานลงไปแล้ว

ปัญหามันเกิดจากปัจจัยเหล่านี้ ที่โรงไฟฟ้าไม่สามารถรับผิดชอบได้เพราะความเห็นแก่ตัว
1. ปัญหาน้ำเสีย จากการเก็บเชื้อเพลิงเช่นทลายปาล์มจำนวนมากเมื่อฝนตกจะชะล้างเอาน้ำเสียลงแหล่งน้ำ และการปล่อยน้ำจากการนำไปใช้ในกระบวนการสร้างพลังงานไฟฟ้า
2. ปัญหฝุ่นควัน เขม่า สารเคมีในอากาศจากการเผาไหม้
3. ปัญหาการจัดการหรือที่ทิ้งขี้เถ้า
4. ปัญหาเสียงรบกวน
5. ปัญหาฝุ่นและถนนพังจากรถบรรทุก


คุณประโยชน์มหาศาลจากการผลิตไฟฟ้านั้นมีแน่นอน แต่ปัญหาที่มีก็คือผู้ควบคุมและผู้ลงทุนมักง่าย เห็นแก่ตัว ไม่ลงทุนในส่วนที่รับผิดชอบต่อสังคม และเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วไม่ว่าจะเป็นคำขอร้องใดๆ โรงไฟฟ้าชีวมวลก็ไม่เหลียวแล รับฟังแต่ไม่นำไปปฏิบัติ เป็นปัญหาเดียวกันแทบทุกที่เมื่อจะสร้างโรงงานเพิ่มในที่แห่งใหม่ก็เกิดการต่อต้าน เพราะการสกัดไม่ให้มีการสร้างเป็นวิธีที่ดีที่สุด


ตามตัวอย่างผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล จ.กระบี่ (ตอนที่ 1)


ตามตัวอย่างผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล จ.กระบี่ (ตอนที่ 2)


โรงไฟฟ้าชีวมวล กับทุกข์ของชาวบ้าน อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

ตัวอย่างรูปโรงไฟฟ้าชีวมวล ภาพจาก manager.com

โรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศไทย
ภาพจาก http://www.thia.in.th/welcome/article_read/116
แนวคิดการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กกระจายทั่วทุกภาคเป็นแนวคิดที่ดี แต่เมื่อปฏิบัติรัฐไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในกรอบมาตฐานความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสังคม ระดับโลกได้ มันก็ไม่ต่างจากยกโรงงานที่ปล่อยควันพิษ ปล่อยน้ำเสีย ปล่อยฝุ่นละอองสารเคมี เสียงรบกวน ไปไว้ในชุมชนที่มีธรรมชาติบริสุทธิ์ อากาศบริสุทธิ์ นั่นเท่ากับว่าได้ไม่คุ้มเสีย ทำลายมากกว่าสร้างสรรค์

เรียบเรียงโดย xsci

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พยากรณ์ 12 ราศี แบบตำราพรหมชาติ


พยากรณ์ 12 ราศี แบบตำราพรหมชาติ

ชายหญิงใด ต้องการอยากทราบว่า ในระยะปีใดดวงชะตาปีที่ตกนั้น จะดีหรือร้าย ท่านให้ถือหลักทำนายตามห้วงระยะปีที่ตกนั้นแล...

วิธีนับ....
ถ้าเจ้าชาตาประจำเกิดเป็นชาย ให้นับเริ่มต้นอายุจากเจดีย์เวียนไปทางขวามือให้ครบอายุปัจจุบันนี้...
ถ้าเจ้าชาตาเป็นหญิง ให้นับเริ่มต้นอายุจากเจดีย์เวียนไปทางซ้ายมือ จนครบอายุปัจจุบันนี้...

1. ถ้าตก เจดีย์ ท่านว่า ปีนั้นจะอยู่ร่มเย็นเป็นสุข จะมีสุขกายสบายใจ จะได้ทำบุญกุศลในศาสนา ปรารถนาสิ่งใด ย่อมได้สมใจนึกแล...

2. ถ้าตก ฉัตรเงิน ท่านว่า ปีนั้นจะมีลาภผลเงินทอง ใช้พอสบายไม่เดือดร้อนกายในครอบครัว ไปทางทิศใด จะมีคนอุปถัมภ์ค้ำชูพอประมาณแล...

3. ถ้าตก คอขาด ท่านว่า ปีนั้น จะประสบความร้อนอกร้อนใจ จะมีคดีความถึงโรงถึงศาล ทำให้ต้องเสียเงินทองของรัก ไม่มีเวลาประกอบอาชีพ ทำมาหากินอย่างปกติสุข ไม่ดีเลย...

4. ถ้าตก เรือนหลวง ท่านว่า ปีนั้นจะมีดีมีความสุขกายสบายใจ จะมีที่พึ่งพิงในความอนุเคราะห์ในเรื่องความเป็นอยู่ เป็นข้าราชการจะได้เลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ดีแล...

5. ถ้าตก ปราสาท ท่านว่าปีนั้นว่าจะมีความสุขอย่างยิ่ง จะประสบโชคลาภมากมายในชีวิต คิดสิ่งใดจะได้สมปรารถนา ดีนักแล...

6. ถ้าตก ราหู ท่าน ว่าปีนั้นจะเดือดร้อนใจอาจจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทเป็นคดีความ จะมีคนมาคอยยุแหย่ให้วุ่นวาย หรือ หาเรื่องราวให้เราต้องเดือนร้อน จะมีปวดหัวตัวร้อนเป็นประจำ ไม่ดีแล...

7. ถ้าตก ฉัตรทอง ท่านว่า ปีนั้นจะมีเกียรติยศปรากฏในฝูงชนทั่วไป ไปสารทิศใดๆจะมีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำชู ไม่เดือนร้อนเลย ดีนักแล...

8. ถ้าตอก เทวดาขี่เต่า ท่านว่า ปีนั้นค่อนข้างดี จะมีคนคอยช่วยเหลือในหน้าที่การงาน แต่ระวังบริวารจะนำความเดือดร้อนมาให้ ดีปานกลางแล...

9. ถ้าตก คนต้องขื่อคา ท่านว่า ปีนั้นถึงคราวเคราะห์หามยามร้ายจะมีเรื่องวุ่นวายในบ้านและครอบครัวและตนเอง จะถูกจองจำหรือไม่มีความสุขกายสบายใจเลย

10. ถ้าตก พ่อหมอ ท่านว่า ปีนั้นจะมีคนมาขอความช่วยเหลือรับอาสาเจ้านายจะได้ดี แต่จะมีความสุขไม่มากนัก จะทุกข์กายทุกข์ใจพอประมาณ ดีปานกลางแล...

11. ถ้าตก แม่มด ท่านว่า ปีนั้นจะมีคนนำลาภมาให้ แต่ต้องแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือจากเจ้าชาตา มีความสบายใจพอประมาณแต่จะเหนื่อยใจ ดีปานกลางแล...

12. ถ้าตก นาคราช ท่านว่า ปีนั้นจะมีอำนาจวาสนา ชะตากำลังดี มีคนมาอ่อนน้อมยอมเป็นคนรับใช้ จะได้ลาภจากบริวารและผู้ใหญ่ แต่ให้ระวังคำพูดและอารมณ์ให้มาก ดีปานกลางแล...

หมายเหตุ
ดูภาพประกอบ อย่าลืม หญิงนับไปซ้าย ชายนับไปขวา จนครบเท่าอายุปัจจุบันของท่าน

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แนะนำสถานที่ถ่ายภาพ, ถ่ายแบบ, Pre-Wedding Out Door

แนะนำสถานที่ถ่ายภาพ Pre-Wedding Out Door
ข้อมูลเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 1:06 น.
ไม่ใช่ข้อมูลล่าสุดใช้เพื่อเป็นแนวทางได้

------------------------------------------------------------
สถานที่ ถ่ายรุป Out Door ในกรุงเทพฯ
------------------------------------------------------------
1. ร้านอาหารบ้านน้ำ เคียงดิน กับร้านปาเตะ
 ที่ตั้ง เส้นถนนพุทธมณฑลสาย 3 เลียบถนนอักษะ (อุทยาน) เบอร์ติดต่อ : 0-2441-3837
 บ้านน้ำเคียงดิน เปิดบริการ : จ - พฤ 17.00-24.00 น. / ศ-อา 16.00-24.00 น.

2. ร้าน cake walk http://www.bkkmenu.com/recommend/cakewalk.html#
 ที่ตั้ง : 21/3 ชั้น 1 ตึก Grand Heritage ซ.ทองหล่อ 13 สุขุมวิท 55 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เบอร์ติดต่อ : 0-2390-0145
ค่าสถานที่ 2,000 บาท / 2 ช.ม. สะดวกวัน จันทร์ - พฤหัส 11.00 - 14.00

3. เรือนบุษบา http://www.ruernboossaba.com/
 ที่ตั้ง หลังสวน เบอร์ติดต่อ 02-6521277  ค่าสถานที่ ชั่วโมงละ 1,000 บาท 2 ชั่วโมงคิด 1,500 บาท

4. แพนดานัส Pandanus bar bistro
 ที่ตั้ง สาทรซอย 1 เบอร์ติดต่อ 02-2874021  ค่าสถานที่ ช.ม. ละ 3,000 บาทจ้า

5. บ้านคึกฤทธิ์
ที่ตั้ง ซอบสวนพลู สาธร เบอร์ติดต่อ 02-2868185 โทรสาร 02-6793630
ค่าสถานที่ 1,000 บาทต่อ 1 ชุด หรือ 2,000 บาท ต่อวัน (ข้อมูลล่าสุด วันที่ 22 เม.ย. 51 จากคุณ Orange_B)
ถ่ายได้ทุกมุม ยกเว้นในห้อง บ้านทรงไทย ถ้าต้องการบรรยากาศไทยๆ

6. มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
 ที่ตั้ง บางนา กม 26 บางบ่อ
ค่าสถานที่ 3000 บาท จ่ายได้ที่ยามเลยครับ ศิษย์เก่า ฟรีครับ
เบอร์ติดต่อ 02-300-4543 ext. 1137 สะดวก เสาร์-อาทิตย์

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ดูหนัง, interstellar, แล้วได้ศัพท์อะไรเกี่ยวกับวิทยาศาตร์บ้าง

          ดูหนัง interstellar เป็นเรื่องราวการดิ้นรนของมนุษย์ในการค้นหาโลกใหม่ เมื่อโลกเก่าใบนี้มันขาดสมดุลทางธรรมชาติจนถึงขั้นวิกฤต ถึงขนาดอากาศไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ สร้างอาหารไม่ได้อีกต่อไป หน่วยงานหลักในการทำงานด้านค้นหาโลกใหม่คือ NASA เป็นผู้ดำเนินการส่งมนุษย์นักสำรวจ นักวิทยาศาตร์ นักบุกเบิก กลุ่มเล็กๆ ไปหาดาวเป้าหมาย ผ่านประตูแห่งการเวลาเพื่อย่นระยะเวลาในการเดินทาง ที่เรียกว่า รูหนอน (Wormhole)

อะตอม (atom) คือ หน่วยพื้นฐานของสสารปกติทั่วไปที่ประกอบจากนิวเคลียสเล็กๆ

บิ๊กแบง (Bigbang) คือ สภาวะเอกฐานที่จุดเริ่มต้นของเอกภพ

รูหนอน (Wormhole) คือ ท่อยาวๆ ของกาลอวกาศที่เชื่อมบริเวณต่างๆ ที่อยู่ห่างกันในเอกภพ รูหนอนอวกาศอาจเชื่อมไปสู่เอกภพคู่ขนานหรือเอกภพลูก (baby universe) และทำให้การท่องเวลามีความเป็นไปได้

สสารมืด (Dark matter) คือ สสารในกาแลคซี่ คลัสเตอร์ของกาแลคซี่และระหว่างคลัสเตอร์ของกาแลคซี่ต่างๆ ที่อาจไม่ถูกสังเกตุได้โดยตรง แต่สามารถถูกตรงจจับได้ด้วยอิทธิพลความโน้มถ่วงของมัน ประมาณกันว่า 90 เปอร์เซ็นของมวลของเอกภพอาจจะอยู่ในรูปของสสารมืด

ขอบฟ้าเหตุการณ์ (Event horrison) คือ ขอบเขตของหลุมดำ

ดาวนิวตรอน  (Neutron Star) คือ ดาวอุณหภูมิต่ำที่ทรงตัวอยู่ได้ด้วยแรงผลักระหว่างนิวตรอนที่มาจากหลักการกีดกัน

พัลซาร์ (Pulsar) คือ ดาวนิวตรอนที่หมุนรอบตัวเองซึ่งปล่อยพัลซ์ของคลื่นวิทยุออกมาอย่างสม่ำเสมอ

ทฤษฏีสัมพันธภาพทั่วไป (Ganeral relativity) คือ ทฤษฏีของไอน์สไตน์อิงอยู่กับแนวคิดที่ว่าปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ควรจะต้องมีเหมือนกันสำหรับผู้สังเกตุทุกๆ คนไม่ว่ากำลังเคลื่อนที่อย่างไรก็ตาม ทฤษฏีนี้อธิบายแรงโน้มถ่วงในรูปของความโค้งของกาลอวกาศสี่มิติ

ควอนตัม (Quantum) คือ หน่วยที่แบ่งแยกไม่ได้ที่คลื่นอาจถูกปล่อยออกมาหรือดูดกลืนเข้าไป

หนังเรื่องนี้เท่ากับการถ่ายทอดจิตนาการและความจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันในด้านวิทยาศาสตร์ควอนตัม มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ เช่นการส่งดาวเทียม ส่งยานอวกาศ การวิจัยค้นหาอานุภาคฮิกส์ โดยองค์การ CERN ใช้เครื่อง LHC ก็เป็นเรื่องราวแบบเดียวกับในหนังทั้งสิ้น ซึ่งหลายคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าการวิจัยที่ในหนังเล่าเรื่องนั้นมีอยู่จริงและกำลังดำเนินอยู่... เป็นการเปิดโลกทรรศ์ด้านวิทยาศาสตร์ให้คนทั่วไปได้เข้าถึงอย่างง่ายที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

การเตรียมพิมพ์ Prepress




โปรแกรม refile เป็นโปรแกรมของค่ายโปรดักนามว่า Evo ทำการจัดการไฟล์งาน PDF ที่ติด Overprint และแปลงไฟล์ที่สมบูรณ์ให้เป็นไฟล์ Onebit .TIFF ส่งไฟล์เข้าเครื่องยิงเพลทต่อไป


เครื่องยิงเพลท
แผ่นเพลท

Block ใช้ปั๊มทองเค หรือปั๊มฟอยด์เงิน ลัษณะการใช้งานใช้แรงกดทับคล้ายการเขียนบนกระดาษคาบอร์น
เครื่องปั๊มทองเค และฟอยด์เงิน

ชิ้นงานที่ได้จากการปั๊มทองเคจะสวยงามดูหรา


          สำหรับสถาบันการศึกษาอย่ายึดตำราเล่มเดียวในการสอนเพราะโลกแห่งความจริงมันมีรายละเอียดมากมายไปกว่านั้นมาก สถาบันควรร่วมมือกับโรงพิมพ์ในการกำหนดหลักสูตรความรู้ ให้ได้ความรู้จริงๆ ไม่ใช่ทำตามหน่วยงานต้นสังกัดกำหนดแค่ให้ผ่านเกณฑ์ ซึ่งเมื่อถึงเวลาตรวจมาตรฐาน สมศ. ทีนึงก็ทำผักชีโรยหน้าทีนึงให้ผ่านมาตรฐาน เป็นเหมือนกันหมดทั้งสถานศึกษาเอกชนและของรัฐ พอเสร็จงานโรยหน้าการศึกษาก็เหมือนเดิม ตำราเล่มเดิม บางแห่งโปรแกรมที่ใช้สอนก็ตัวเก่าที่เขาเลิกพัฒนา เหตุผลเพราะผู้สอนใช้โปรแกรมตัวใหม่ไม่เป็น แต่สอนเรื่องสื่อสิ่งพิมพ์ สอนเฉพาะการใช้โปรแกรมเท่านั้น ไม่รู้กระบวนการพิมพ์ลึกๆ ลงไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เรียนควรรู้ ทั้งหมดผู้เขียนเคยทำงานในด้านการศึกษาจึงทราบรายละเอียดจุดบกพร่องเหล่านั้น ซึ่งการศึกษาบ้านเรายังคงน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก

          วันนี้จึงนำเสนอความในแง่มุมหนึ่งของระบบการพิมพ์นั้นก็คืองานเตรียมพิมพ์ ที่ได้รับความรู้มาจากการทำงานจริง ในการทำสื่อสิ่งพิมพ์นั้นต้องผ่านกระบวนการสำคัญนี้ทั้งสิ้น เพราะนี่คือขั้นตอนการทำแม่พิมพ์ สำหรับผลิตงานในปริมาณมาก

กราฟิกสื่อสิ่งพิมพ์มี 3 ระดับ คือ
1.ต้นทางเป็นผู้ออกแบบอาร์ต จัดวางบทความรูปภาพ
2. งานแม่พิมพ์หรือเพลท ซึ่งเป็นแผ่นสังกะสีสีเขียว หรือสีฟ้า มีความไวแสงที่ถูกยิงด้วย Laser ที่หมุนด้วยความเร็ว 900 รอบต่อนาที แล้วผ่านเครื่องอาบน้ำยา และล้างน้ำ ขั้นตอนนี้ได้รับงานต่อมาจากขั้น 1 เป็นผู้ตรวจความถูกต้อง ซึ่งไม่มีโอกาสให้ผิดพลาดเพราะความเสียหายจะเกิดขึ้นมีมูลค่าที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
3. ระดับงานพิมพ์รรับงานต่อมาจากงานเพลท ซึ่งแผ่นเพลทนี้ต้องเข้ากับระบบเครื่องพิมพ์ได้ เช่นงาน 4 สีมีเพลท 4 แผ่นเป็นสี C M Y K (สี Process) และมากกว่า 4 สีหรือสี Spot เรียกติดปากกันว่า PANTONE (สีพิเศษที่ผสมสำเร็จ ไม่ได้เกิดจากการผสมระหว่างการพิมพ์จากแม่สี CMYK)
-ขนาดกระดาษพิมพ์ สำหรับแท่นพิมพ์
15.5"x21.5 | 21.5x31" | 17.5x24" | 24.5x35" | 18x25" | 25x36" | 28x40" | 31x43"
-งานพิมพ์ 5สี 4สี 3สี 2สี 1สี
-วิธีเลย์ (Layout) กลับนอก กลับในตัว กลับตีลังกา ในกรณีไม่ใช่หนังสือทำได้โดยใช้โปรแกรม Adobe Illustrator. ถ้าเป็นหนังสือมีโปรแกรม Layout ชื่อว่า Prep แต่ก่อนลงในโปรแกรมท Prep ต้องทำดัมมี่ Lay ก่อน โดยการพับกระดาษ เรโชเดียวกับหนังสือ พับบนลงล่าง ซ้ายไปขวา แล้วเขียนเลขหน้าเรียง แบบหนังสือเล่มจริง
-ขนาดเพลท (แม่พิมพ์)
ตัด4 ขนาด 650x550mm (นิยมใช้มาก) | ตัด2 พิเศษ (770x1030mm) | ตัด2 พิเศษ 790x1030mm | ตัด2 (29x36) | ตัด2 พิเศษ (800x1040mm)
-คลิปเปอร์ (เป็นระยะที่ตัวหนีบกระดาษของเครือ่งพิมพ์แต่ละโรงพิมพ์จับ ไม่เท่ากัน เช่น 2.5", 4cm ฯลฯ)
-ไลน์สกรีน (ระดับความละเอียดมีหน่วยเป็น Lpi เช่น 175Lpi) เราสามารถกำหนดได้โดยใช้โปรแกรม Rip ของ Kodak ชื่อว่า Evo
-ปรุ๊ปกระดาษ (Proof) ตัวอย่างงานเสมือนจริงก่อนคอนเฟิร์มพิมพ์
-รูปแบบเข้าเล่ม | เย็บมุงหลังคา | ไสกาว | เย็บกี่ 1 ยกต่อกี่ | เย็บกี่ 2 ยกต่อกี่
-ดำสี่เม็ด คือ สีดำที่เกิดจากการผสมแบบ Process CMYK เกิดเป็นสีดำไม่สนิท
-การทำ Spot UV คือการเคลือบเงาเฉพาะจุด วิธีการคือการ Draft จุดที่ต้องการด้วย Illustrator แล้วเติมสีดำสนิทลงไป โดยที่ Scale, Ratio งานทั้งหมดต้องเท่ากับงานต้นแบบ


บทความที่เกี่ยวข้อง "กว่าจะได้อ่านหนังสือ"
https://stanglibrary.wordpress.com/tag/ขั้นตอนการทำหนังสือ/
บทความทั้งหมดโดย xsci

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

BRICS 5 ประเทศพัฒนาเร็วร่วมมือก่อตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาแข่งกับ IMF

5 ประเทศกลุ่ม BRICS กลุ่มประเทศพัฒนาเร็ว
ภาพจาก www.newzimbabwe.com

BRICS เป็นอักษรย่อของกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วประกอบด้วย
B Brazil
R Russia
I India
C China
S South Africa
          ทั้ง 5 ประเทศกลุ่ม BRICS มีการพัฒนารวดเร็วมากจนประมาณปี พ.ศ. 2593 เศรษฐกิจของกลุ่ม BRICS รวมกันร่ำรวยมากกว่าประเทศที่ร่ำรวยในปัจจุบัน และ พื้นที่ประเทศทั้งห้ารวมกันแล้วมากกว่าหนึ่งในสี่ของแผ่นดินโลก จำนวนประชากรรวมกันมากกว่า 40% ของประชากรโลกอีกด้วย

          เมื่อกลางสัปดาห์ที่สองของเดือนกรกฏาคม พ.ศ. 2557 BRICS ได้ร่วมมือกันก่อตั้ง "ธนาคารเพื่อการพัฒนา" เช่นเดียวกับ "ธนาคารโลก หรือ IMF" ซึ่งนั่นก็คือคู่แข่งของธนาคารโลกได้เกิดขึ้นแล้ว ทำให้การผูกขาดทางด้านเงินทุนของธนาคารโลกที่มีกลุ่มประเทศตะวันตกผูกขาดอำนาจอยู่นั้นมีราคาต่อรองลดลง ซุ่งมันจะคอยจ้องฉกฉวยผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของประเทศต่างๆ อยู่เป็นนิจ ในวันที่ 15 - 17 กรกฏาคม 2557 ที่ผ่านมากลุ่ม BRICS ได้มีการจัดประชุมสุดยอดครั้งที่ 6 หรือ "BRICS SUMMIT" ที่ประเทศบราซิล บรรดาผู้นำ 5 ประเทศยักษ์ใหญ่ได้ร่วมกันแสดงจุดยืนในการก่อตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศครั้งนี้อย่างแข็งแกร่ง

          ทั้งนี้ สถาบันการเงินแห่งใหม่ ซึ่งจะมีชื่ออย่างไม่เป็นทางการในระยะเริ่มต้นว่า “New Development Bank” หรือ “NDB” ถูกระบุว่า จะมีเงินทุนแรกเริ่มราว 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านดอลลาร์ในอนาคต โดยที่รัฐบาลทั้งของบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ จะควักกระเป๋าจ่ายเงินสมทบเข้าสู่ธนาคารแห่งใหม่นี้ในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน

          ขณะที่ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารหรือ “ซีอีโอ” คนแรกนั้น ที่ประชุมตกลงให้เป็นสิทธิ์ของอินเดีย ส่วนที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเอ็นดีบีจะอยู่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ของจีนในส่วนของข้อตกลงตั้ง “กองทุนฉุกเฉิน” นั้น ที่ประชุมสุดยอดที่บราซิลเห็นพ้อง ให้ก่อตั้งขึ้นด้วยเงินทุนเริ่มต้น 100,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับรับมือความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น โดยรัฐบาลจีนจะรับหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของกองทุนที่ว่านี้ ด้วยวงเงินราว 41,000 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยบราซิล อินเดีย และรัสเซียอีกชาติละ 18,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนแอฟริกาใต้จะร่วมสมทบทุนราว 5,000 ล้านดอลลาร์
     
        จริงอยู่ที่ว่า อาจต้องใช้เวลาอีกกว่า 2 ปีกว่าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งใหม่และกองทุนฉุกเฉินของ BRICS จะเริ่มดำเนินงานได้อย่างเป็นทางการ แต่ข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นก็ถือเป็น “ความหวังใหม่” สำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่อาจได้มีโอกาสในการปลดแอกตัวเองจากการครอบงำของประเทศร่ำรวยในโลกตะวันตกที่ผูกขาดครองอำนาจในระบบเศรษฐกิจและการเงินโลกมาช้านาน และเชื่อว่าการที่ประเทศกำลังพัฒนาจะผนึกกำลังกัน “เลิกง้องอนตะวันตก” คราวนี้ คงสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับสหรัฐฯและยุโรปไม่น้อยทีเดียว

ส่วนหนึ่งเรียบเรียงโดย xsci
manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000081260
http://th.wikipedia.org/wiki/BRICS

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บัคมิสซาย Buk-M1 anti-aircraft missile system

Buk-M1 anti-aircraft missile system 
ระบบบัคมิสซาย (Buk missile system) อยู่ในกลุ่มระบบมิซายพื้นสู่อากาศพิสัยกลาง สามารถติดตามเป้าหมาย 10-24,000 เมตร ถึง 50 กิโลเมตร ที่พัฒนาขึ้นมาโดยสหภาพโซเวียตรับช่วงโดยรัสเซีย ดีไซน์เป็นจรวดสำหรับทำลายเฮลิคอปเตอร์, UAV, และเครื่องบินรบอื่นๆ ได้หลากหลาย

ประเทศที่ประจำการ
Azerbaijan, Belarus, Cyprus, Egypt, Finland, Georgia, India,  North Korea,  People's Republic of China, Russia, Syria, Ukraine, Vietnam, Venezuela

ประเทศไทยก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะนำมาประจำการและอยู่ในระหว่างการดำเนินการ

References: en.wikipedia.org/wiki/9K37_Buk#Operators
เรียบเรียง xsci

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โรคลีเจียนแนร์ โรคเครื่องปรับอากาศ หรือโรคผึ่งเย็น (Legionnaires disease)

ลักษณะเชื้อโรคลีเจียนแนร์ 
ภาพจากhttp://en.wikipedia.org/wiki/Legionnaires'_disease
โรคลีเจียนแนร์ (Legionnaires disease) หรือโรคจากเครื่องปรับอากาศเรียกว่าเป็นโรคที่ใกล้ตัวมากเพราะหลายคนต้องทำงานใช้ชีวิตอยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลาเรียกว่าใช้ชีวิตอยู่กับความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ได้ตลอดเวลา อาการที่เกิดจากโรคนี้ก็คือปอดบวม โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า "ลีจิโอเนลลา" เป็นจำพวกแบคทีเรียแกรมลบ (Gram-negative bacteria) ซึ่งก่อให้เกิดอาการอักเสบเมื่อติดเชื้อ โดยลักษระของโรคมี 2 แบบคือ ชนิดรุนแรงเรียกโรคปอดอักเสบลีเจียนแนร์ (Legionnaires' disease) ชนิดไม่รุนแรงเรียกว่าไข้ปอดเตียก  (Pontiac fever)

เชื้อลีจิโอแนลลา (Legionella) ปัจจุบันตรวจพบแล้ว 43 สปีชีส์ 65 ซีโรกรุ๊ป แต่ที่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์บ่อยที่สุดคือ ลีจิโอแนลลา นิวโมฟิลา (Legionella pneumophila) ซึ่งตรวจพบแล้ว 18 ซีโรกรุ๊ป เชื้อดังกล่าวนี้พบได้ทั่วไปในแหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 32 - 45 องศาเซลเซียส สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายเดือนในสิ่งแวดล้อมที่มีความชื้นสูง และแบ่งตัวในที่ ที่มีสาหร่ายและอินทรีย์วัตถุ

เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ. 2549 ได้พบโรคที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 ราย หลังจากกลับจากท่องเที่ยวภูเก็ตแล้วป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ หลังจากตรวจพบว่าเป็นโรคเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กับทหารผ่านศึกในเมืองฟิลาเดเฟียสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2519 โรคนี้ได้ชื่อมาจากการพบครั้งนั้นว่า โรคสหายสงคราม แต่ปัจจุบันได้พบว่าต้นเหตุแหล่งสะสมเชื่ออยู่ที่เครื่องปรับอากาศจึงได้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคเครื่องปรับอากาศ และโรคผึ่งเย็น และสามารถพบได้ในแหล่งน้ำนิ่งเช่น หอผึ่งเย็นของเครื่องปรับอากาศที่ใช้กันในศูนย์การค้า โรงแรม และโรงพยาบาล หรืออาคารใหญ่ๆ และยังพบว่าในอ่างน้ำวน น้ำแร่ เครื่องทำน้ำร้อน ฝักบัวอาบน้ำที่ไม่ได้ดูแลทำความสะอาดก็เป้นแหล่งที่อยู่อาศัยของเชื้อนี้เป็นอย่างดี

การติดเชื้อโรคนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมาก โดยการสูดหายใจ เอาเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ในละออง ฝอยของน้ำ เช่น น้ำจากหอฝึ่งเย็น (Colling Towers) ของระบบปรับอากาศ จากการใช้ฝักบัวอาบน้ำ จากอ่างน้ำวน เครื่องช่วยหายใจ หรือแม้แต่น้ำพุสำหรับตกแห่งอาคารสถานที่ต่างๆ แต่ยังไม่พบการติดต่อจากคนสู่คน

ระยะอาการของโรค
1. โรคลีเจียร์แนร์ส่วนใหญ่จะปรากฏอาการภายใน 5 - 6 วันหลังได้รับเชื้อ แต่อาจอยู่ในช่วง 2 - 10 วัน (ชนิดรุนแรง)
2. โรคไข้ปอนเตียกมักจะมีอาการภายใน 24 - 48 ชั่วโมงหลังได้รับเชื้อ แต่อาจอยู่ในช่วง 5 - 66 ชั่วโมง (ชนิดไม่รุนแรง)

โดยมีลักษณะอาการดังนี้
1. อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ (Flu-like illness) คือเริ่มด้วยปวดศรีษะ ปวดกล้ามเนื้อ
2. มีไข้สูง (39 - 40) องศาเซลเซียส หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน อาจมีอุจจาระร่วง ไอแห้งๆ
3. ในกรณีที่เป็นไข้ปอนเตียกมักจะหายภายใน 2 - 5 วัน แม้จะไม่ได้รับการรักษา
4. มีอาการปอดอักเสบและลามไปที่ปอดทั้งสองข้าง ทำให้การหายใจล้มเหลวและตายในที่สุด

แม้ว่าเราจะพยายามใช้ชีวิตให้ปลอดภัยที่สุดแต่สิ่งที่อาจคาดไม่ถึงก็อยู่ใกล้ตัวจนเกินที่จะหนีไปไหนได้ เพราะฉะนั้นนอกจากเราจะต้องดูแลตัวเองให้ปลอดโรคแล้ว ผู้ที่ดูแลเกี่ยวกับระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ก็ต้องใส่ใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมากเพราะกระทบต่อชีวิตคนโดยรวมโดยที่เขาเหล่านั้นไม่รู้ตัวและไม่อาจปกป้องตัวเองได้

เรียบเรียงโดย xsci
credit : en.wikipedia.org/wiki/Legionnaires'_disease

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

อิสราเอลกับแผ่นดินพันธสัญญาปาเลสไตน์ - israel palestine

แผนที่แสดงการขยายตัวของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์
ภาพจากที่นี่ ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับแผนที่อิสราเอลและปาเลสไตน์จำนวนมาก
http://sabbah.biz/mt/archives/2011/09/24/palestine-israel-map-2011/

เมื่อ 4,000 ปีก่อนคริตกาล ยิวเป็นชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนไร้แผ่นดินหลักอยู่อาศัย จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ฮิบรู" หมายถึง เผ่าเร่ร่อน แต่เมื่อประชากรของเผ่าเพิ่มมากขึ้นหัวหน้าเผ่าจึงมีความคิดว่าจะทำอย่างไรให้เผ่ามีอาหารพอกินไม่ต้องย้ายถิ่นเรื่อยไปอย่างที่เป็นอยู่ หัวหน้าเผ่าจึงบอกกับประชากรของตนว่ามีพระเจ้ามาหาตนและมอบแผ่นดินแห่งพันธสัญญาให้ที่แห่งนั้นคือ "แผ่นดินปาเลสไตน์" และพระเจ้าที่ว่านั้นก็คือต้นกำเนิดแห่งศาสนายูดาหรือยิว

เส้นทางที่ยิวอพยพจาก แคว้นอูร์ (Ur) สู่คานาอัน  (CANAAN)

แคว้นคานาอัน (CANAAN) แผ่นดินแรกของยิว
สามารถลำดับไทม์ไลน์ชนชาติยิวได้ดังนี้
- ยิวเป็นชนเผ่าเลี้ยงสัตว์อพยพเร่ร่อนในแถบ เมืองเออร์ หรืออูร์ (Ur) ใน แคว้นคาลเดีย ซึ่งตั้งอยู่แถบเมโสโปเตเมีย ได้พบพระเจ้าแห่งยิวที่เมืองอูร์ และพระเจ้าให้เดินทางไปอยู่ในดินแดนแห่งพันธสัญญาคือแคว้น คานาอัน
- ศาสนายิวแห่งชนชาติยิวรุ่งเรืองมากถึง 700 ปี ในช่วงที่ยิวมีแผ่นดินเป็นของตนเองที่แคว้นคานาอัน CANAAN
- พระเจ้าโซโลมอนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของชนชาติยิวสวรรคตในปี 379 ก่อนพุทธศักราชยิวได้แตกเป็น 2 อาณาจักร อาณาจักรทางเหนือเรียกว่า "อิสราเอล" ส่วนอาณาจักรทางใต้เรียกว่า "ยูดาห์" เมื่อแบ่งเป็น 2 อาณาจักรยิวเริ่มอ่อนแอ 200 ปีหลังจากสิ้นสมัยพระเจ้าโซโลมอน อาณาจักรอิสราเอลก็ตกอยู่ในอำนาจปกครองของอัสซีเรียในปี 178 ปีก่อนพุทธศักราช
- ส่วนอาณาจักรยูดาห์ประคองตัวมาได้ 135 ปี ก็ตกเป็นเชลยของบาบิโลนในปี 43 ปี ก่อนพุทธศักราชและปกครองยิวอยู่ 40 ปี
- บาบิโลนก็ตกเป็นเมืองขึ้นของเปอร์เซียในปีที่ 3 ก่อนพุทธศักราช ยิวก็ตกเป็นของเปอร์เซียโดยอัตโนมัติ
- บาบิโลนรบแพ้กรีกในปี พ.ศ. 210 ยิวก็ตกเป็นเชลยของกรีกโดยอัตโนมัติ
- กรีกรบแพ้ซีเรีย ยิวก็ตกเป็นเชลยของซีเรียโดยอัตโนมัติ
- ซีเรียรบแพ้โรมัน ยิวก็ตกเป็นเชลยของโรมันโดยอัตโนมัติ
- โรมันไล่ยิวออกไปจากแผ่นดินใน ค.ศ. 135 และเรียกชื่อเมืองใหม่แห่งนี้ว่า Palaestina
- และนับแต่นั้นชนชาติยิวก็ไม่ได้อยู่ในดินแดนแห่งพันธสัญญาอีกต่อไป และด้วยความที่ ยิวยังถือตัวในความเป็นยิว คือ เป็นชนชาติที่พระเจ้าเลือก ได้ก่อให้เกิด ขบวนการไซออนิสต์ Zionism หรือขบวนการคืนสู่มาตุภูมิ เพื่อรวบรวมยิวที่ได้กระจัดกระจายออกไปนานนับศตวรรษให้กลับมาครองถิ่นฐานเดิม ด้วยการจุดประกายขบวนการนี้โดย ดร.ธีโอดอร์ เฮอซึล (Theodor Herzl) นักเขียนชาวเวียนนา ผู้เขียนหนังสือ รัฐของชาวยิว หลังจากหนังสือเล่มนั้นออกมาได้ 1 ปี ดร.ธีโอดอร์ เฮอซึล ได้จัดให้เปิดประชุมสากลขบวนการไซออนนิสต์ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 50 ปี หลังจากการประชุมครั้งนั้น ก็เกิดประเทศอิสราเอลขึ้นมาอีกครั้งบนดินแดนแห่งพันธสัญญา แคว้นคานาอัน หรือประเทศอิสราเอลปัจจุบัน

แต่หากยึดถือประวัติศาสตร์เป็นตัวชี้ว่าแผ่นดินไหนเป็นของใคร แผ่นดินไทยคงเป็นของเขมรไปไม่น้อย หรือเป็นของอาณาจักรล้านนา หรือศรีวิชัย หรือของใครๆ  ที่เคยครอบครองมาก่อนที่เมืองที่มีกำลังทหารเหนือกว่าไปยึดมาได้ ทุกประเทศบนโลกนี้ล้วนมีเผ่าพันธ์ุเดิมอยู่มาก่อน

++++++++++++++++++
ตามคัมภีร์ไบเบิล (ซึ่งบันทึกก่อนเกิดปัญหาอิสราเอล-ปาเลสไตน์)   เยรูซาเรมของอิสราเอลเกิดก่อนมาแล้วพร้อมศาสนายูดาร์ระหว่าง 1500-1800  ปีก่อนคริสต์กาล   คำว่าปาเลสไตน์เพิ่งเกิดขึ้นทีหลังเมื่อโรมันเข้ายึดครองเยรูซาเลมและไล่ยิวออกไปใน ค.ศ.  135   และเรียกชื่อเมืองใหม่ว่า  Palaestina     บริเวณนั้นมีกลุ่มชนทั้งสองเขื้อชาติ และ ชนเผ่าอื่นๆ  อาศัยร่วมกันอยู่แต่เดิมมาแล้วตั้งแต่ 2000 ปีก่อนคริสต์กาล ศาสนนา Judaism ของชาวยิวเกิดก่อน คริสต์  แล้วถึงตามมาด้วยอิสลาม

แม้เมื่อเกิดศาสนาคริสต์ขึ้นมาแล้ว   ช่วง 300 ปีหลังคริสต์คนแถวนั้นก็ถือศาสนาคริสต์หรือยูดาร์เป็นหลัก จนเมื่ออาหรับเข้ายึดครองบริเวณนั้นเมื่อปี 600 หลังคริสต์ศวรรษต่อมาและยึดครองอยู่ยาวจนถึงปี 1900  ที่ทำให้กลุ่มคนบริเวณนั้นส่วนใหญ่กลายเป็นนับถืออิสลามไป   คล้ายๆ กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถิ่นไทยเรา   ที่แต่เดิมนั้นอินโดนีเซีย   มาเลย์เซียก็นับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่จนกระทั่งมีการเริ่มติดต่อค้าขายกับพ่อค้าอาหรับทางเรือและเริ่มการนำเข้าศาสนาอิสลามจนกลายเป็นประเทศอิสลามไปในที่สุด

ฉะนั้นที่เข้าใจกันว่าการก่อตั้งรัฐอิสราเอลโดยการเริ่มต้นของอังกฤษหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  ว่าไปตั้งในปาเลสไตน์จึงไม่ถูกต้อง    เพราะยิวก็เริ่มต้นอยู่ที่นั้นมาพร้อมๆ กับปาเลสไตน์จึงมีสิทธิสมควรที่จะได้รับเพียงแต่ว่าเมื่่อชนส่วนใหญ่บริเวณนั้นเป็นมุสลิมไปเสียแล้ว ชนชาวยิวที่มีศาสนาเป็นของตนเองเหมือนกันกลายเป็นดินกลางทะเลทราย

ประวัติย่อของสตีฟ จ็อบส์ a brief history of steve job

          สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิตเมื่อ 5 ตุลาคม 2011  ด้วยวัย 56 ปี อัจฉริยภาพของสตีฟ จ็อบส์ เทียบได้กับ โธมัส อัลวา เอดิสัน และ เฮนรี่ ฟอร์ด ผู้สร้างผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดำรงชีวิตของเรา
          ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนโลกของสตีฟ จ็อบส์ เริ่มจากการสร้างคอมพิวเตอร์ Apple I และ นับจากนั้นก้าวที่ยิ่งใหญ่คือ Apple II ในตอนปลายของยุค 1980-1980 โดยสามารถป้อนคำสั่งจากคีบอร์ด และป้อนคำสั่งจากเมาส์โดยคลิ๊กที่กราฟิกบนหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยตรง และนั่นได้กลายเป็นมาตรฐานของคอมพิวเตอร์ในยุคถัดมา และปัจจุบัน สตีฟ จ็อบส์ ไม่ได้หยุดเพียงแค่นวัตกรรมคอมพิวเตอร์เพียงเท่านั้นแต่ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมภาพยนต์ อุตสาหกรรมเพลง อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ และอุตสาหกรรมแท็บแล็ต
           ซึ่ง ipod เป็นตัวเปิดปรากฏการใหม่ โดยขายได้มากกว่า 300 ล้านเครื่อง และ iphone ก็ได้สั่นสะเทือนและเปลี่ยนแปลงวงการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสตีฟ จ็อบส์ ต้องการทำให้เป็น "ดิจิตอลฮับ" ซึ่งสิ่งที่สร้างความโดดเด่นให้ iphone ก็คือคีบอร์ดดิจิตอลบนจอภาพและนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้จอภาพมีขนาดใหญ่ขึ้น การเปิดตัว iphone ทำให้เกิดปรากฏการสาวกของ apple ยอมเข้าแถวค้างคืนเพื่อรอซื้อผลิตภัณฑ์ iphone ซึ่งสามารถขายได้ถึง 500,000 แสนเครื่องในสัปดาห์แรก และเหตุการณ์เดียวกันได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเปิดตัวแทบแลต ipad ในเดือนมกราคม 2010 สามารถขายได้ถึง 3,000,000 เครื่องภายในเวลา 80 วัน หลังจากวางตลาดถัดมาเมื่อเปิดตัว ipad2 ในเดือนมีนาคม 2011 บริษัทได้รายงานว่ายอดขายทั่วโลกทะลุ 15 ล้านเครื่อง และในเดือนมิถุนายน 2011 ได้เปิดตัว icloud เพื่อเป็น "ฮับ" ของสื่อมีเดียทั้งหลายต่อจาก "ดิจิตอลฮับ"
          สตีฟ จ็อบส์ เกิดจากพ่อและแม่ที่ไม่ตั้งใจจะมีลูก คือ อับดุลฟัตตะห์ "จอห์น" จานดาลี เชื้อสายมุสลิมจากซีเรีย อ.ช่วยสอนวิชารัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน กับผู้เป็นแม่คือ โจแอน ซีเบิล ชาวเยอรมันอพยพ อายุ 23 ปี เมื่อสตีฟ จ็อบส์ คลอดในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1955 แม่ของสตีฟ จ็อบส์ ได้มอบให้ครอบครัวพ่อ แม่ บุญธรรม ที่เรียนไม่จบชั้นมัธยมคลั่งไคล้เครื่องจักรกลชื่อ พอล และมี คลาร่า ภรรยาเป็นนักบัญชีทั้งสองได้ตั้งชื่อให้ลูกบุญธรรมว่า สตีฟ พอล จ็อบส์

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ขัอควรรู้เกี่ยวกับประกันสังคม Thai Social Insurance

1. กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- ได้รับสิทธิต่อเมื่อส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการเจ็บป่วย
- ผู้ประกันตนเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลตามบัตรรับาองสิทธิ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จนสิ้นสุดการรักษา
กรณีไม่เข้า ร.พ. ตามบัตร (เบิกได้เฉพาะกรณีฉุกเฉินและอุบัติเหตุเท่านั้น) (ป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุเบิกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง)

 เข้า รพ. ของรัฐ
1. ผู้ป่วยนอก สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เท่าที่จ่ายจริง
2. ผู้ป่วยใน สามารถเบิกค่ารักษาพยายาลได้เท่าที่จ่ายจริงภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง

เข้า รพ. เอกชน
1. ผู้ป่วยนอก เบิกค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,000 บาท แต่สามารถเบิกค่าบริการทางการแพทย์ได้เกินกว่า 1,000 บาทตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ได้แก่
1.1 การรับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 500 บาทต่อยูนิต
1.2 สารต่อต้านพิษจากเชื้อบาดทะยักชนิดทำจากมนุษย์เท่าที่จ่ายไม่เกิน 400 บาท/ราย
1.3 ค่าวัคซีน / เซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
**Rabies Vaccine เฉพาะเข็มแรกเท่าท่จ่ายจริงไม่เกิน 200 บาท
**Rabies antiserum ERIG เฉพาะเข็มแรก เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 8,000 บาท
1.4 อัลตร้าซาวด์กรณีฉุกเฺฉินเฉียบพลันในช่องท้อง เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,000 บาท
1.5 CT SCAN เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 4,000 บาท, MRI SCAN เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 8,000 บาท ทั้งนี้ตามเกณฑ์ที่กำหนด
1.6 การขูดมดลูก เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 2,500 บาท เฉพาะภาวะตกเลือดหลังจากการคลอดหรือการแท้งบุตร
1.7 ค่าฟื้นคืนชีพรวมค่ายาและอุปกรณ์ เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 4,000 บาท
1.8 อยู่ในห้องสังเกตุอาการตั้งแต่ 3 ชั่วโมงขึ้นไป เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 200 บาท

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

จำลองจักรวาลเหมือนจริงด้วย supercomputer Model Universe

ภาพกลุ่ม galaxy ที่ประกอบไปด้วยปฏิสสาร ในจักรวาลอันยุ่งเหยิง สวยงาม และน่ากลัว  : Illustris Collaboration

          ในปัจจุบันทฤษฏีจักรวาลวิทยาสามารถอธิบายว่าจักรวาลมีวิวัฒนาการมาอย่างไร ทางเดียวที่จะค้นหา เรื่องราวก่อนเกิดจักรวาล และกาแลคซี่  นั่นคือการจำลองเหตุการขึ้นบนซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ การจำลองประสบความสำเร็จได้เพราะว่ามีการปรับปรุงอัลกอริทีมให้ดีขึ้น เพื่อการคำนวณที่หลากหลายทางฟิสิกส์ อย่างเช่นการสร้างมวลมหาศาลของหลุมดำ และผลกระทบต่างๆ ต่อสิ่งแวดล้อม พลังการทำงานของคอมพิวเตอร์นี้ หากใช้คอมพิวเตอร์เดสทอปทำงานอาจใช้เวลาถึง 2,000 ปี เลยทีเดียว

credit : nature.com/news/model-universe-recreates-evolution-of-the-cosmos-1.15178

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การระวังป้องกันภัยในช่วงฤดูฝน - disaster rainy season

ภาพจาก  http://goo.gl/KwBhwp

ฤดูฝนของทุกปีจะเริ่มกลางเดือนพฤษภาคม
          เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เริ่มพัดเข้าปกคลุมประเทศไทยซึ่งเป็น  สาเหตุที่ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน และสิ้นสุดฤดูฝนลงประมาณกลางเดือนตุลาคม ฤดูแห่งความชุ่มชื้นเป็นจุดเริ่มของเกษตรกรรม ทำไร่นาสวน ที่เป็นอาชีพหลักของไทยเรา นอกจากคุณอนันต์จากความชุ่มชื้นของสายฝน ยังมีภัยธรรมชาติหลายอย่างเลยทีเดียวที่มาพร้อมกับฝน เช่นน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน  ดินโคลนถล่ม พายุลมกรรโชกแรง ลูกเห็บ หรือโรคต่างๆ ที่มักเกิดในฤดูนี้ เป็นต้น เรียกว่ามีทั้งคุณทั้งโทษ ความพร้อมที่จะรับมือกับภัยธรรมชาติจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะบ่อยครั้งที่เกิดความเสียหายรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

ภัยธรรมชาติรับมือได้ด้วยการเตรียมพร้อม
    1. หมั่นติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างสม่ำเสมอ
    2. ตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง หากพบว่ามีต้นไม้ ป้ายโฆษณาและเสาไฟฟ้าอยู่ในสภาพเสี่ยงต่อการหักโค่น ให้แจ้งหน่วยงานที่เกียวข้องดำเนินการ
    3. ฝนตกมากว่า 3 ชั่วโมงติดต่อกัน และยังคงมีแนวโน้มตกต่อเนื่อง ซึ่งต้องเป็นสภาพผิดปกติ ควรหาภาชนะรองรับน้ำฝน เช่น กาละมัง วางตั้งไว้กลางแจ้งประมาณ 1 ชั่วโมง  ใช้ไม้บรรทัดไปวัดว่าสูงขึ้นมาจากก้นกาละมัง กี่เซนติเมตร หากสูงกว่า 5 เซนติเมตร จะต้องเตรียมพร้อมระวังภัยธรรมชาติ และคอยตรวจวัด ทุกชั่วโมง หากยังสูงเกิน 9 เซนติเมตร ดินจะซับน้ำไว้มากแล้ว
    4. หากระดับน้ำสูงขึ้นผิดปกติ รวดเร็ว และน้ำเปลี่ยนสีเป็นสีแดงไหลแรง มีเศษไม้ไหลลงมาด้วย เป็นสัญญาณของน้ำป่าไหลหลาก และมีดินโคลนไหลลงมาด้วย  ถ้าหากอยู่ในที่ต่ำและเสี่ยงที่กระแสน้ำจะพัดให้รีบทำการอพยพไปที่สูง
    5. ควรสำรอง อาหาร น้ำสะอาด ยารักษาโรค วิทยุกระเป๋าหิ้ว ไฟฉาย ไว้ในบ้านและใช้ได้หากไฟฟ้าดับ
    6.  ไม่เข้าใกล้บริเวณที่มีเสาไฟฟ้าล้มหรือเสาไฟฟ้าขาด  เพราะอาจได้รับอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่วไหล หากมีต้นไม้หักโค่นเสาไฟฟ้าล้ม สายไฟฟ้าขาดให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซ่อมแซมโดยด่วน
    7. ห้ามเข้าใกล้บริเวณที่เกิดดินโคลนถล่มหรือบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อป้องกันอันตรายจากการพังทลายซ้ำ

โรคที่มากับหน้าฝน
ซึ่งมีทั้งเชื้อโรคและโรคที่เกิดจากความเปียกชื้น เช่น

1.  โรคไข้สมองอักเสบ
          เกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิด แต่ชนิดที่น่ากลัวและร้ายแรงที่สุดมีชื่อว่า JAPANESE B ENCEPHALITIS หรือ JBE (เจบีอี) ไวรัสจะแพร่เชื้อในหมูโดยมีพาหนะนำเชื้อสู่คนคือ ยุงคิวเล็กซ์ เมื่อรับเชื้อแล้วจะมีระยะฟักตัว 5-14 วัน จึงเริ่มแสดงอาการป่วย ปวดเมื่อยอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ซึม หงุดหงิดถึงชักเกร็งกระตุก จนอาจเป็นอัมพาตได้ และมีการทำลายสมอง กลายเป็นเจ้าหญิงหรือ เจ้าชายนิทราในที่สุด
    วิธีป้องกัน คือ ทำลายแอ่งน้ำที่เพาะพันธุ์ยุง อย่าให้มีน้ำขัง ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันต้องอยู่ภายใต้การแนะนำ และดูแลอย่างใกล้ชิด

2. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน
         หมายถึง ภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระผิดปกติ ซึ่งอุจจาระที่ถ่ายออกมานั้นจะมีลักษณะเหลวจำนวน 3 ครั้งติดต่อกัน หรือมากกว่าหรือถ่ายเป็นน้ำมากกว่า 1 ครั้ง ใน 1 วัน หรือถ่ายเป็นมูก หรือปนเลือด อย่างน้อย 1 ครั้ง สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อในลำไส้ จากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว ปรสิต และหนอนพยาธิ

3. โรคปอดอักเสบ   
         โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า ปอดบวม หมายถึง การอักเสบของเนื้อปอด   มีหนองขัง บวม จึงทำหน้าที่ไม่ได้เต็มที่ ทำให้การหายใจสะดุด เกิดอาการหายใจหอบ เหนื่อย อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ จึงนับว่าเป็นโรคร้ายเฉียบพลันชนิดหนึ่ง

ควรระวังในการรับประทานเห็ดหน้าฝน
บางชนิดกินได้ บางชนิดมีพิษรุนแรง
         ในช่วงฤดูฝนเห็ดจะพากันงอกงามกันหลากหลายชนิด บางชนิดกินได้คุ้นตากัน บางชนิดมีพิษรุนแรง ถึงชีวิตเลยก็มี และในช่วงนี้เราจะเห็นตลาดเห็ดคึกคักมีให้เลือกมากมายหลายราคา แต่ควรต้องให้ความสำคัญมากๆ ในการเลือกมารับประทาน อย่างเช่นเห็ดอันตรายดังนี้  เห็ดระโงกหิน หรือเห็ดไข่ตายซาก, เห็ดหัวกรวดครีบเขียวอ่อน, เห็ดไข่ห่าน การเลือกรับประทานเห็ดก็ควรต้องใส่ใจ และใช้ความระมัดระวังให้มาก ถ้าไม่รู้จักเห็ดชนิดนั้นดีพอก็ไม่ควรบริโภคโดยเด็ดขาด หรือแม้จะรู้จักเห็ดชนิดนั้น แต่ถ้าขึ้นในป่าลึก หรือในเขตโรงงานอุตสาหกรรม บริเวณที่มีแหล่งน้ำเสีย ก็ไม่ควรนำเห็ดนั้นมารับประทาน การรู้จักเลือกอย่างระมัดระวังจะช่วยให้ปลอดภัยจากเห็ดพิษได้
       การช่วยเหลือผู้ป่วยที่รับประทานเห็ดพิษนั้น เบื้องต้น สามารถทำได้หลายวิธี ถ้ากินเห็ดพวกที่มีพิษไม่รุนแรง อาการเด่นชัดที่เห็นภายใน 1-2 ชม. คือ การอาเจียน ท้องเสีย วิธีการช่วยเหลือเบื้องต้น ถ้าสามารถทานได้ ก็ให้ทานน้ำเปล่า เพื่อจะช่วยเจือจาง หรือว่าอาจจะอาเจียนออกมาก็เป็นสิ่งที่ดี แล้วก็นำส่งโรงพยาบาล
       ในฤดูฝนเป็นทั้งวิกฤติและโอกาส หลายครั้งที่ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติรุนแรงสร้างความเสียหายเป็นอย่างมากต่อชีิวิตและทรัพย์สิน และอีกมุมหนึ่งหลายชีวิตกำลังต้องการน้ำเพื่อต่อลมหายใจ เพื่อสืบสานสายพันธุ์หล่อเลี้ยงชีวิต เกษตรกรต้องพึ่งพาเม็ดฝนเพื่อการทำนา ทำไร่ เพาะปลูก อีกหนึ่งชีวิตงอกเงย อีกหลายชีวิตถูกทำลายลง เป็นฤดูกาล เป็นวัฏจักรอย่างนี้ตลอดไปขึ้นอยู่ว่าใครจะปรับตัวได้ดีที่สุดเท่านั้นเอง

xsci : เรียบเรียง

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ - Royal Development Projects

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ภาพจาก http://chm-thai.onep.go.th/chm/Business/egat_operate/egat2.html

“เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการทำมาหากินและปัญหาอื่นๆ ที่กระทบถึงสภาพการดำรงชีวิตในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ”

        เป็นรูปแบบการดำเนินการด้านการพัฒนารูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะหลากหลายและครอบคลุมพื้นที่เกือบทุกจังหวัด  ปัจจุบันโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีจำนวนมากกว่า 3,000 โครงการ (ข้อมูลปี 46 สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) 
    นอกจากนี้ โครงการดำเนินกิจกรรมเป็น “องค์กรด้านการพัฒนา” ทำให้เกิดเป็น “เครือข่ายองค์กรด้านการพัฒนา” ที่มีบทบาทสำคัญต่อสังคมไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากรูปแบบการดำเนินการด้านการพัฒนาครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง และส่งผลต่อประชาชนจำนวนมาก

         โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ คือการดำเนินกิจกรรมด้านการพัฒนาของสถาบันกษัตริย์หรือที่รู้จักกันในนาม “โครงการในพระราชดำริ” โดยทั่วไปมีความหมายถึง โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ได้ทรงมีดำริจัดทำขึ้น ซึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น มีลักษณะสำคัญคือ “เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการทำมาหากินและปัญหาอื่นๆ ที่กระทบถึงสภาพการดำรงชีวิตในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ” (สุเมธ ตันติเวชกุล 2529: 1)
        โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจึงมีหลากหลายประเภท หลายสาขา และมีพื้นที่ดำเนินการครอบคลุมเกือบทุกจังหวัดของประเทศ นอกจากนี้รูปแบบของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในนบางโครงการยังได้พัฒนาเป็นมูลนิธิจดทะเบียนดำเนินการตามกฏหมายอีกด้วย อาทิ มูลนิธิอานันทมหิดล มูลนิธิราชประชาสมัย มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิโครงการหลวง มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นต้น

    1. โครงการตามพระราชประสงค์  หมายถึง  โครงการที่ทรงศึกษาและทดลองปฏิบัติเป็นการส่วนพระองค์ และทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการดำเนินการทดลอง ต่อมาเมื่อทรงแน่พระทัย แล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้รัฐบาลเข้ามารับช่วงดำเนินการต่อ ตัวอย่าง ของโครงการดังกลาว ได้แก่ โครงการส่วนพระองค์จิตรลดา โครงการหุบกะพงตามพระราชประสงค์ เป็นต้น
    2. โครงการหลวง  หมายถึง  โครงการส่วนพระองค์ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากราษฏร รัฐบาลไทยและต่างประเทศ รวมทั้งสำนักงาน กปร. โดยทรงเจาะจงดำเนินการพัฒนาและบำรุงรักษาต้นน้ำลำธารในบริเวณภาคเหนือ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดำเนินกิจการโดยตรงกับชาวเขา โดยร่วมปฏิบัติผสมผสานกับหน่วยงานของรัฐบาลในพื้นที่ต่างๆ ในภาคเหนือ บางโครงการมีลักษณะการดำเนินงานแบบโครงการพระราชดำริ
    3. โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ หมายถึง โครงการที่ทรงพระราชทานข้อแนะนำพระราชดำริให้เอกชนไปดำเนินการด้วยกำลังเงิน กำลังปัญญา และกำลังแรงงาน พร้อมทั้งการติดตามผลงานให้ต่อเนื่องโดยภาคเอกชนเอง เช่นโครงการหมู่บ้านสหกรณ์โนนดินแดง อ.ทับสะแก อ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสโมสรโรตารีแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดและดำเนินการตามแนวพระราชดำริ โครงการพจนานุกรมและโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เป็นต้น
    4. โครงการตามพระราชดำริ หมายถึง โครงการที่ทรงวางแผนพัฒนา ทรงเสนอแนะให้รัฐบาลร่วมดำเนินการตามพระราชดำริ โดยจะร่วมทรงงานกับหน่วยงานของรัฐบาล ซึ่งมีทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ และทหาร โครงการประเภทนี้ปัจจุบันมีกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย อาทิ โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ โครงการศูนย์ศึกษาพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้น

credit :
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ :การสถาปนาพระราชอำนาจนำในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผู้แต่ง/ผู้แปล : ชนิดา ชิตบัณฑิตย์
Barcode : 9789748278575
ISBN : 9789748278575
ปีพิมพ์ : 2 / 2554

วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

การดูแลสุขภาพช่วงฟุตบอลโลก health for 2014 FIFA World Cup All in One Rhythm


          ในรอบเวลา 4 ปีครั้ง กับการรอคอยฟุตบอลโลกของหลายๆ คน ก็มาถึง ในปี 2014 และนับตั้งแต่ปี 1930  จัดขึ้นที่ประเทศอุรุกวัยเป็นครั้งแรกซึ่งครั้งนี้ไม่มีการแข่งขันเพื่อคัดเลือกทีมเข้าแข่ง แต่เป็นการเชิญเข้าแข่งขัน ในปี 2014 จัดขึ้นที่ประเทศบราซิล สโลแกนของฟุตบอลโลกครั้งนี้คือ All in One Rhythm หมายความว่าอย่างไร แปลความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างสอดคล้องกันเป็นหนึ่งเดียว หรือ มีความนัยว่า ความสามัคคีและเป็นหนึ่งเดียวของทุกคนในโลกใบนี้นั่นเอง  ความตั้งใจในการติดตามชมก็ยิ่งเพิ่มมากยิ่งขึ้นทุ่มเทมากขึ้นแต่ด้วยเวลาถ่ายทอดสดจากบราซิลไม่ตรงเวลาปกติในประเทศไทย สิ่งที่ตามมาอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ เรามาดูกันว่าอะไรบ้างที่จะเป็นผลดีผลเสียต่อสุขภาพ

1. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระหว่างดูฟุตบอลนั้น ทำให้ควบคุมสติอารมณ์ได้น้อย และทำให้ตื่นเช้ามาไม่สดใส
2. การอดนอน นอนน้อยทำให้ส่งผลเสียต่อสมดุลนาฬิกาธรรมชาติของร่างกายคนเรา ทำให้สมองล้า เซื่องซึม มึนงง ประสิทธิภาพการจำลดลง เสี่ยงเป็นมะเร็งบางชนิด จึงมีคำแนะนำว่าแม้จะนอนดึกก็ควรตื่นเช้าเช่นเดิม เพื่อรักษาวงจรนาฬิการ่างกาย
3. การดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง เพื่อที่จะแก้ง่วงอาจได้พลังงานที่เกินความจำเป็นเป็นของแถม เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้เน้นการให้พลังงานเสริมสำหรับคนที่ใช้พลังงานมาก มักจะมีส่วนผสมของวิตามินอยู่ด้วยในระดับหนึ่ง
4. ขนมขบเคี้ยว เพิ่มอรรถรสในการดู อย่างเช่นมันฝรั่ง ป๊อบคอร์น หรืออื่นๆ  เท่าที่ทราบกันดีอาหารกลุ่มนี้จัดเป็นสารเร่งความอ้วนอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่อุดมไปด้วยแป้ง น้ำตาล ไขมัน คอเลสเตอรอล และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความอ้วน คนที่อ้วนอยู่แล้วก็เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับตัวเอง
5. การดื่มกาแฟ ทำให้ได้รับคาเฟอีนเข้าไป เป็นสารที่กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและเมแทบอลิซึม กระตุ้นการทำงานของสมองให้กระปรี้กระเปร่านั่นประโยชน์ที่เราได้ก็คือแก้ง่วง ส่วนโทษของกาแฟเมื่อดื่มติดต่อเป็นประจำทำให้เข้าสู่สภาวะเสพติดคาเฟอีน (cafeinism) ผลต่อร่างกายคือ กระสับกระส่าย วิตกกังวล กล้ามเนื้อกระตุก นอนไม่หลับ ใจสั่น ในระยะยาวทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กอักเสบและโรคน้ำย่อยไหลย้อนกลับ
6. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกายวันละ 1.5-2 ลิตร หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันถ้าดื่มน้ำน้อยกว่านี้ทำให้เลือดไหลเวียดไม่สะดวกและร่างกายขับของเสียได้ยาก
7. การตะโกนเชียร์เสียงดัง ถ้าบ้านคุณไม่สามารถเก็บเสียงได้มิดชิดอาจเป็นการรบกวนเพื่อนบ้านได้

          ไม่ว่าเกมส์นี้จะจบลงด้วยน้ำตาผู้แพ้หรือรอยยิ้มแห่งชัยชนะ แต่สุขภาพยังคงต้องรักษาไว้ให้คงทนสำหรับตอกย้ำชัยชนะหรือซ้ำเติมความพ่ายแพ้ในครั้งต่อไป ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพฤติกรรมการใช้ชีวิตของหลายๆ ท่านในช่วงฟุตบอลโลก หรือไม่แน่บางอย่างอาจเป็นกิจวัตรที่ทำมาตลอดก็เป็นได้ ควรหันกลับมาให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นการป้องกันดีกว่าที่จะต้องรักษาในภายหลังเป็นการดีกว่าแน่นอน

บทความโดย : xsci

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เมื่อฝุ่นผงผ่านกาลเวลาเป็นโลก from dust to eart



การเดินทางของการเวลา ก้าวผ่านปัจจุบัน กลืนกินอนาคต บางสิ่งยิ่งผ่านกาลเวลายิ่งเติบโต บางสิ่งยิ่งผ่านกาลเวลากลับทรุดโทรมและแย่ลงเรื่อยๆ โลกเรากำลังก้าวผ่านกาลเวลานับได้  4,600 ล้านปี สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดจากฝุ่นเม็ดแรก เม็ดที่สองและอีกมหาศาลค่อยๆ  รวมตัวกันผ่านกาลเวลาก้อนฝุ่นใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ  จนกลายเป็นดวงดาวในระบบสุริยะแต่ในขณะนั้นต้องเผชิญสภาวะอันโหดร้ายจากฝูง อุกกาบาตฟุ่งชนอย่างหนัก ขณะที่โลกมีขนาด 80% ของปัจจุบันอุกกาบาตก้อนใหญ่พุ่งชนจนเนื้อโลกหลุดออกไปเป็นดวงจันทร์ หลังจากนั้นโลกก็ค่อยๆ เย็นตัวลงเปลือกโลกแข็งตัวเป็นหินแต่ยังไม่เป็นทวีปเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ลอยอยู่ในมหาสมุทร เมื่อ 2,500 ล้านพี่ผ่านไปเปลือกโลกก็แยกตัวเป็นทวีปแตกต่างจากยุคแรกอย่างสิ้นเชิง

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

มีใครบ้างใน กปปส. PDRC

ภาพจากที่นี่   http://board.postjung.com/732590.html

เหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน2556 จนถึงปัจจุบัน จากการคัดค้านพรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง จน สว.คว่ำร่างพรบ.ดังกล่าว โดยการชุมนุมทางการเมือง ได้ยกระดับการชุมนุมจากคัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง เป็นการโค่นล้มระบอบทักษิณและจัดตั้งสภาประชาชน โดยที่การชุมนุมนั้นมีอยู่ 3กลุ่ม คือ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และเวทีราชดำเนิน

วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

5 พ.ค. 57 เกิดแผ่นดินไหวที่เชียงราย 5.6 ริคเตอร์ - ติดตามแผ่นดินไหวแบบเรียลไทม์ Real Time Earthquake Map and Volcano Activity Report

REALTIMETOOLS - Real Time Earthquake Map and Volcano Activity Report

Update 08.05 7-5-57


Update 08.05  6-5-57

***************************************************
ขณะนี้เกิดแผ่นดินไหวที่เชียงราย 5.6 แมคนิจูด


ข่าวจากรอยเตอร์
http://mobile.reuters.com/article/idUSBREA440A220140505?irpc=932

ข่าวจ่าก sky report ch3
https://m.facebook.com/profile.php?id=118856201469804&ref=m_notif&notif_t=close_friend_activity

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ฌานทั้ง ๕ คือ วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัคคตา meditative absorption

          เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม ในการปฏิบัติสมาธินั้น แนวทางปฏิบัติทั่วไป ก็อาศัยแนวทางแห่งองค์ทั้ง ๕ ของปฐมฌาน คือฌานที่ ๑ อันคำว่า ฌาน นั้นตามศัพท์แปลว่าความเพ่ง หมายถึงจิตที่เพ่งแนบแน่น เป็นอัปปนาสมาธิ คือสมาธิที่แนบแน่น จึงจะเรียกว่าฌานคือความเพ่ง เป็นความเพ่งของจิตในกรรมฐานอย่างแนบแน่น จึงจะเรียกว่าฌาน ซึ่งอัปปนาสมาธิ สมาธิอย่างแนบแน่นอันเรียกว่าฌานนั้น ก็ยังมีลักษณะของความแนบแน่นเป็นชั้นๆขึ้นไป

          สำหรับในชั้นแรกซึ่งเป็นปฐมฌานความเพ่งที่ ๑ นั้น มีองค์ ๕ คือ ๑ วิตก ความยกจิตขึ้นสู่อารมณ์กรรมฐาน ซึ่งเราแปลกันทั่วไปว่าความตรึก แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความตรึกนึกคิดทั่วไป แต่หมายถึงความตรึกนึกกำหนดในอารมณ์ของกรรมฐานเท่านั้น ๒ วิจาร ความตรอง ที่แปลกันทั่วไปว่าความตรอง แต่สำหรับสมาธิหมายถึงความประคองจิตไว้ในอารมณ์ของกรรมฐาน คือให้ตรึกนึกกำหนดอยู่จำเพาะอารมณ์ของกรรมฐานเท่านั้น ความที่คอยประคองจิตไว้ดั่งนี้เรียกว่าวิจาร ซึ่งมักแปลกันทั่วไปว่าความตรอง แต่ไม่ได้หมายความถึงความตรองเรื่องอะไรต่ออะไร ๓ ปีติ ความอิ่มใจดูดดื่มใจ ๔ สุข ความสบายกายความสบายใจ และ ๕ เอกัคคตา ความที่จิตมีอารมณ์อันเดียว ซึ่งเป็นลักษณะของสมาธิโดยตรง เพราะสมาธิโดยตรงนั้นจะต้องมีเอกัคคตา คือความที่จิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว หรือความมีอารมณ์เป็นอันเดียวกันของจิต เรียกว่าเอกัคคตาเป็นลักษณะของสมาธิทั่วไป องค์ทั้ง ๕ นี้เป็นองค์ของฌาน ตั้งต้นแต่ปฐมฌานคือฌานที่ ๑ แต่แม้ว่าจิตจะยังไม่เป็นสมาธิแนบแน่นถึงปฐมฌาน ในการปฏิบัติสมาธิตั้งแต่เบื้องต้นที่เป็นขั้น บริกัมมภาวนา การภาวนาเริ่มต้น อุปจารภาวนา ภาวนาที่จิตเป็นสมาธิใกล้จะแนบแน่น ก็จะต้องอาศัยการปฏิบัติในองค์ฌานทั้ง ๕ นี้ เป็นอันว่าจะต้องมีการอาศัยองค์ฌานทั้ง ๕ นี้ปฏิบัติตั้งแต่ในเบื้องต้น คือ ๑ ในการเริ่มปฏิบัติในขั้นบริกัมมภาวนา ก็จะต้องมีวิตก คือความยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ของสมาธิ ดั่งเช่นจะยกเอาลมหายใจเข้า ลมหายใจเข้าออกเป็นอารมณ์ของสมาธิ คือเป็นกรรมฐานที่จะปฏิบัติ ก็ต้องยกจิตมากำหนดอยู่ที่ลมหายใจเข้าลมหายใจออก ตั้งต้นแต่ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเอาไว้ว่านั่งกายตรง ดำรงสติมั่น จำเพาะหน้า คือนำสติมาตั้งอยู่จำเพาะลมหายใจเข้าออก เรียกว่าจำเพาะหน้า เพราะว่าต้องการลมหายใจเข้าออกมาเป็นกรรมฐาน ลมหายใจเข้าออกจึงได้ถูกยกขึ้นมาไว้จำเพาะหน้า จำเพาะหน้าของจิตนั้นเอง เหมือนอย่างจิตเป็นบุคคล ก็มีหน้าจับอยู่ที่ลมหายใจเข้าลมหายใจออก ดูอยู่ที่ลมหายใจเข้าลมหายใจออก เห็นอยู่ที่ลมหายใจเข้าลมหายใจออก ด้วยสติคือความกำหนด อาการที่ยกจิตขึ้นสู่ลมหายใจเข้าออก กำหนดอยู่ด้วยสติ หายใจเข้าก็ให้รู้ หายใจออกก็ให้รู้ ดั่งนี้เรียกว่าวิตกคือความตรึก ต้องใช้วิตกคือความตรึกนี้ ตรึกถึงสมาธิ คือตรึกถึงอารมณ์ของสมาธิ แต่ไม่ตรึกนึกคิดไปในเรื่องอื่นตั้งแต่ในเริ่มต้น อันนี้แหละเป็นตัวบริกัมมภาวนา คือการภาวนาที่เป็นการปฏิบัติเบื้องต้น ต้องมีการกระทำโดยรอบ

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

thundercloud-สายฟ้าคำราม เมื่อยามฝนโปรย


ภาพลักษณะการเกิดฟ้าแลบฟ้าฝ่า  credit: OutdoorEd.com
         ขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนองจะเกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ลูกเห็บตก มีลมกระโชกแรงเป็นครั้ง คราว โดยในรอบ 1 ปี ทั่วโลกมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นถึง 16 ล้านครั้ง โดยเฉพาะในเขตละติจูดสูง และในเมืองที่อากาศร้อนชื้นจะมีจำนวนวันที่มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดได้ถึง 80 - 160 วันต่อปี สำหรับประเทศไทยมักเกิดมากในเดือน เมษายน - พฤษภาคม เป็นช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองมากที่สุด

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

สิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์ยูโรปา-Moon Europa


             ยูโรปาดวงจันทร์จิ๋วของดาวพฤหัส มีขนาดเล็กกว่าโลกหลายเท่าตัว ดาวที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและภายใต้น้ำแข็งนั้นเป็นมหาสมุทรน้ำในสถานะของเหลวในปริมาณที่มากกว่าโลกถึง 2-3 เท่า และหากถามว่ายูโรป้ามีพลังงานความร้อนมาจากไหนในเมื่อพลังจากแสงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง เพราะอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ 960 ล้านกิโลเมตร  พลังงานความร้อนของยูโรปาเกิดจากการยึดหดตัวของดาวที่เกิดจากแรงดึงดูดจากดาวพฤหัส ทำให้เกิดการยืดหดแบบเดียวกับลูกเทนนิสที่โดนตี หรือลูกฟุตบอลที่โดนเตะและคืนสภาพเดิม ทำให้พื้นมหาสมุทรมีพลังงานความร้อนจนน้ำแข็งหลอมเหลว น้ำเป็นสภาวะเอื้อต่อการดำรงค์ชีวิต แม้ไม่มีแหล่งพลังงานจากดวงอาทิตย์ แต่จากการได้ศึกษาพบว่าสิ่งมีชีวิตสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานจากดวงอาทิตย์แต่เพียงอย่างเดียว พลังงานความร้อนจากแหล่งอื่นก็สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกัน   ดังเช่นใต้มหาสมุทรลึกบนโลกเราคือปล่องน้ำพุร้อนที่ละลายแร่ธาตุออกมาเรียกว่า ปล่องไอดำ ในบริเวณนั้นพบว่ามีสัตว์ทะเลอาศัยอยู่อย่างมากมายโดยอาศัยพลังงานความร้อนและแร่ธาตุจากน้ำพุร้อนนั้นดุจโอเอซีสใต้ทะเล

วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2557

โรคฉี่หนูอันตรายใต้สายฝน-Leptospirosis


โรคฉี่หนู Leptospirosis
             เข้าสู่หน้าฝน ไม้ที่ผ่านความแห้งแล้งขาดน้ำจนต้นเหี่ยวเฉา ความชุ่มฉ่ำจากสายฝนมาเยือนก็เริ่มผลิใบอ่อนชูช่อ พืชพันธุ์ล้มลุกเริ่มแตกหน่อ เมล็ดพันธุ์เริ่มงอกงาม หมุนกงล้อชีวิตให้เดินหน้าต่อ ชีวิตคนเราก็ไม่ต่างกับสิ่งเหล่านี้ทุกนาทีเรากำลังก้าวผ่านกาลเวลา เผชิญปัญหาต่อสู้ดิ้นรน ผ่านทุกข์ สุข โรคภัย เพื่อก้าวไปข้างหน้า
             ฤดูฝนในอีกมุมหนึ่งเชื้อโรคต่างๆ อาจจะแพร่เชื้อระบาดได้ง่าย ด้วยความชื้นแฉะ ในฤดูนี้มีโรคเกิดขึ้นได้หลายชนิดไม่ว่าจะเป็นโรคทางน้ำและอาหาร โรคทางเดินหายใจ น้ำกัดเท้า ไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย และโรคฉี่หนูหรือโรค โรคเลปโตสไปโรซิส  เป็นโรคติดต่อจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสู่คน (Zoonosis) โรคนี้เราอาจเข้าใจผิดไปว่ามีเฉพาะหนูเท่านั้นที่แพร่เชื้อได้แต่สัตว์อื่นอย่างเช่น สุกร โค กระบือ สุนัข แมวฯ แต่หนู จะไม่มีอาการแต่สามารถปล่อยเชื้อได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรืออาจจะตลอดชีวิต และมีเปอร์เซ็นเป็นพาหะนำโรคสูงที่สุดในบรรดาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เชื้อที่อาศัยอยู่ในตัวหนูจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ ทำให้เชื้อปนเปื้อนอยู่ในน้ำขัง หรือผัก ปลา โดยเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายทางรอยขีดข่วนเป็นแผล เนื้อเยื่ออ่อนบุตา จมูก ปาก หรือผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานานแม้ไม่มีบาดแผล ระยะฟักตัว 1-2 สัปดาห์ จะมีอาการเซื่องซึม เบื่ออาหาร มีไข้อ่อนๆ ตาแดง กล้ามเนื้ออักเสบ ตัวเหลือง คอแห้ง ตับวาย ไตวาย ถึงเสียชีวิตได้

การทำลายเชื้อทำได้อย่างไร?
1. ความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) สูงกว่า 8.0 หรือต่ำกว่า 6.5
2. ความเค็ม เช่น น้ำทะเล
3. ที่อุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที หรือ 70 องศาเซลเซียส 10 วินาที และแสงแดดสามารถทำลายเชื้อได้
4. ความแห้งสามารถทำลายเชื้อได้ ในพื้นดินที่แห้ง เชื้อจะตายในไม่กี่ชั่วโมง
5. น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น ไอโอดีน คลอรีน และน้ำยาทำความสะอาด (Detergents) รวมทั้งสบู่สามารถฆ่าเชื้อได้

ข้อแนะนำ
1. ถ้าสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงติดเชื่อให้นำไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจรักษา และแยกสัตว์ป่วยกับสัตว์ปกติ
2. ฉีดวัคซีนป้องกันฉี่หนูให้กับสัตว์เลี้ยงใกล้ชิด (แมวยังไม่มีวัคซีนโรคนี้)
3. หลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์เล่นน้ำขัง เจ้าของควรหลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ป่วย
4. ทำความสะอาดบริเวณที่อยู่อาศัย และกรงสัตว์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
5. กำจัดหนูบริเวณที่อยู่อาศัย ไร่ นา หรือที่ๆ มีโอกาสแพร่เชื้อ
6. ตรวจแหล่งน้ำ ดินทรายที่อาจปนเปื้อนเชื้อ ถ้าเป็นน้ำในท่อระบาย ควรล้างระบายน้ำที่ปนเปื้อนออกไป
7. หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ แช่หรือลุยในน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อจากปัสสาวะสัตว์นำโรค หรือถ้าจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ต
8. ฉีดวัคซีนป้องกันแก่คนงานและผู้ที่ประกอบอาชีพเสี่ยงต่อโรค เป็นวิธีที่ใช้ในญี่ปุ่น จีน อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส และอิสราเอล

ภาพประกอบ/เรียบเรียง : xsci

วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา-wat phrasisanphet

          วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดสำคัญที่สุดของราชสำนักอยุธยา มีฐานะเป็นวัดส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐาน จึงไม่มีพระสงฆ์จำอยู่ในวัด พื้นที่ตั้งของวัด เดิมเป็นที่ตั้งของพระราชมณเฑียรอันเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ พระบรมไตรโลกนาถได้ทรงยกพื้นที่นี้ให้เป็นเขตพุทธาวาส เมื่อปี พ.ศ.1991 เรียกว่า วัดพระศรีสรรเพชญ์ แล้วย้ายบรรดาพระราชมณเฑียรเลยขึ้นไปทางทิศเหนือ ต่อจากเขตวัดไปจนจรดริมแม่น้ำลพบุรีในปัจจุบัน วัดพระศรีสรรเพชญ์ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ เช่น พระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา (ปีละ 2 ครั้ง) ตลอดจนใช้เป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์อยุธยาเกือบทุกพระองค์ เป็นต้น
          บริเวณใจกลางสุด มีพระเจดีย์ขนาดใหญ่ 3 องค์ สลับระหว่างกลางแต่ละองค์ด้วยมณฑปอีก 3 หลัง ปลายทิศตะวันตกของพระเจดีย์องค์สุดท้ายมีฐานของพระวิหารจัตุรมุข โดยตรงกลางมีเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิ ส่วนมุขทั้งสี่ด้านเชื่อว่าเคยมีพระพุทธรูปนั่ง ยืน นอน และเดิน ด้านทิศตะวันออกต่อกับเจดีย์องค์แรกเป็นวิหารสำคัญที่สุด เพราะบริเวณด้านท้าย ซึ่งเรียกว่า ท้ายจระนำ ใช้เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์องค์ต่างๆ ในวิหารเคยมีพระพุทธรูปหุ้มทองคำหนัก 286 ชั่ง (หรือหนักเท่ากับ 12,880 บาท) ประทับยืนสูงถึง 8 วา มีพระนามว่า พระศรีสรรเพชญ์ ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญที่สุดในสมัยอยุธยา
          พระวิหารหลวงหรือวิหารพระศรีสรรเพชญ์นี้ถูกขนาบด้วยวิหารพระโลกนาถอยู่ด้านทิศเหนือ ส่วนทิศใต้เป็นวิหารพระป่าเลไลยก์ ถัดต่อทางด้านหน้าเป็นพระวิหาร(ทิศเหนือ) และพระอุโบสถ(ทิศใต้) อาคารทั้งหมดนี้ถูกล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้วยพระเจดีย์สลับกับวิหารแกลบอย่างได้สัดส่วนยิ่ง
          วัดนี้ถูกเผาไปเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาให้พม่า ครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2310 พม่าได้ปล้นสะดมทรัพย์จำนวนมาก ทั้งที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาและที่ได้มาจากการที่สยามยึดมาจากพระนครธม ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ พม่าได้เอาไฟสำรอกทองหุ้มองค์พระศรีสรรเพชญ์ คงเหลือแต่แกนในพระซึ่งทำด้วยสำริด เมื่อคราวตั้งกรุงเทพฯ นั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้อัญเชิญแกนในพระศรีสรรเพชญ์ลงไปด้วย ทรงสร้างพระเจดีย์หุ้มแกนพระองค์นี้เอาไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) แล้วถวายพระนามตามท่านว่า เจดีย์พระศรีสรรเพชญ์ดาญาณ
           ภาพเจดีย์สามองค์เรียงซ้อนกันเช่นภาพนี้ กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงอยุธยาได้อย่างชัดเจน และเป็นที่แพร่หลายเป็นเอกลักษณ์ของเมือง ปัจจุบันวัดพระศรีสรรเพชญมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จนกล่าวได้ว่าไม่มีคณะทัวร์ไหนที่จะไม่ขาดโปรแกรมการมาชมวัดพระศรีสรรเพชญเลย เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นอดีตพระอารามในพระราชวังกรุงศรีอยุธยา และเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการได้มาเที่ยวอยุธยานักท่องเที่ยวจึงนิยมการถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
          เจดีย์ทั้งสามองค์นี้...ชาวอยุธยามักกล่าวติดปากว่า "เจดีย์สามพี่น้อง" ด้วยความไม่เข้าใจในประวัติศาสตร์ อันที่จริงแล้ว เจดีย์ทั้งสามมีฐานะเปรียบดังเครือญาติได้ดังนี้ เจดีย์องค์แรก(ด้านขวา)คือเจดีย์พระบิดา สร้างเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เจดีย์องค์กลาง คือเจดีย์โอรสองค์ใหญ่ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 และองค์สุดท้ายด้านซ้าย คือเจดีย์โอรสองค์รอง สมเด็จพระรามาธิปดีที่ 2 ถ้าจะเปรียบดังเครื่องญาติแล้วก็คือ เจดีย์ พ่อ ลูกคนโต ลูกคนเล็ก จึงจะถูกต้อง

เนื้อหาจาก :  ayutthayastudies.aru.ac.th/content/view/202/116/





วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

ลืมหัวใจไว้ที่เชียงตุง-Chiang Tung-Keng tung)

 แนะนำฟัง FM เพลงเชียงตุง เพียง Copy Link นี้ไปวางใน Winamp หรือ VLC  http://radio.dwebsalehost.com:8020/

หนองตุง ที่มาของชื่อเมืองเชียงตุง
          นครเขมรัฐตุงคบุรี มีความเป็นชาติครบถ้วน ทั้งศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ภาษา สังคม มีประชาชนที่หวงแหนในองค์ประกอบความเป็นชาติ ไทใหญ่ ไทเขิน มีภาษาพูดที่ใกล้เคียงภาษาไทย
กว่า 80% มีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ร่วมกันมาตั้งแต่โบราณ ทั้งเคยร่วมรบกันในสงคราม ประวัติศาสตร์ยังเชื่อมไทยกับไทใหญ่ไว้ร่วมกัน ไทใหญ่ เชียงตุง เชียงรุ่ง เชียงใหม่ ล้วนเป็นเครือญาติกัน ไม่ได้รู้สึกเป็นมิตรกับพม่าแต่กลับเป็นมิตรกับไทยมากกว่า ในยุคที่มีการเปิดเสรีค้าฝิ่นเมืองเชียงตุงรุ่งเรืองกว่าเมืองไหนๆ ในแถบนี้ แต่เมื่อยกเลิกค้าฝิ่นบ้านเมืองก็หยุดเจริญเติบโตและพัฒนาช้า ทำให้เมืองเชียงใหม่ เชียงรายพัฒนาก้าวหน้าล้ำกว่า  ชาวไทใหญ่เรียกชื่อเมืองนี้ว่า เก็งตุ๋ง (Keng tung)ในอดีต เชียงตุงเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางการค้าเชื่อมต่อระหว่างสิบสองปันนากับล้านนา โดยมีพ่อค้าชาวจีนฮ่อเดินทางไปมาค้าขายในเส้นทางนี้
           เชียงตุงมีประชากรหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกัน ส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทขึนหรือไทเขิน มีไทใหญ่ และ พม่า ลองลงมา ยังมีชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น อาข่า ปะด่อง ว้า ลาฮู ลีซอ ลัวะ เผ่าแอน ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 37 เผ่า เชียงตุงมีที่มาจากชื่อแม่น้ำน้ำขึน หรือฝืน มาจากแม่น้ำไหลย้อนขึ้นทางเหนือไม่เหมือนแม่น้ำทั่วไป ชาวไทลื้อที่อาศัยอยู่ในลุ่มน้ำแห่งนี้จึงเรียกตัวเองว่าชาวไทขึน มีความสามารถโดดเด่นในการสานไม้ไผ่แบบลวดลายละเอียดมากเป็นภาชนะแล้วเคลือบด้วยยางไม้สีแดง เรียกว่าเครื่องเขิน ไทยภาคกลางจึงเรียกกลุ่มชนเหล่านี้ว่า ไทเขิน ในอีกความหมายหนึ่งด้วย หรือในภาษาล้านนาเรียกว่า ครัวฮักครัวหาง ลักษณะเด่นอีกอย่างของเมืองเชียงตุงคือมีวัดจำนวนมากหรือเรียกว่าเมืองร้อยวัด และวัดส่วนใหญ่ในเชียงตุงจะมีอายุ 600 กว่าปี มีความเก่าแก่ร่วมสมัยกับ เชียงใหม่ เชียงแสน น่าน สุโขทัย มีอายุมากกว่า อยุธยา 100-200 ปี มากกว่ารัตนโกสินทร์ 400 ปี
          ในปัจจุบันเชียงตุงเป็นภาพย้อนกาลเวลาของเมืองไทยเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ที่นั่นคือภาพอดีตที่ไม่ใช่อยู่ในหน้าตำราหรือภาพถ่าย แต่เป็นภาพชีวิตจริง ความดีงามข้องน้ำจิตน้ำใจ การเข้าถึงวัดเข้าถึงธรรม คุณธรรม ศีลธรรม มีอยู่สูงมาก ในเมืองนี้มีวัดจำนวนมาก การเดินทางไปเชียงตุงในปัจจุบันสามารถเดินทางได้สะดวกโดยทางรถยนต์เริ่มต้นจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากจัดการเรื่องเอกสารผ่านแดน ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย หากทำบอเดอร์พาส ใช้แค่บัตรประชาชนยื่น จ่ายค่าธรรมเนียมเราก็จะได้เอกสารผ่านแดนฝั่งไทย จากนั้นเตรียมสำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ พร้อมรูปถ่าย 1 นิ้ว เพื่อยื่นเอกสารผ่านแดนฝั่งพม่า เอกสารดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ที่ไกด์ ไกด์จะเป็นผู้ดูแล จนกว่าจะกลับ เริ่มการเดินทางจากด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก มุ่งหน้าไปตามถนน NH4 ระยะทาง 165 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. ด้วยรถยนต์ ถนนลาดยาง 2 เลนส์ วิ่งเลนขวา

สิ่งต้องห้ามก็คือการถ่ายภาพทหารและด่านตรวจ
ด่านที่ 1 ตรวจคือด่านบ้านแม่ยาง (สำเนียงไทขึน เรียกว่า หมากยาง)
ค่าธรรมเนียม  10 บาท พร้อมเช็คเอกสารจากไกด์

ด่านที่ 2  คือ เมืองท่าเดื่อ (สำเนียงไทขึน เรียกว่า ต้าเลอ หรือ ต้าเล)
ค่าธรรมเนียม  50 บาท พร้อมเช็คเอกสารจากไกด์

จุดที่ 3 คือ ด่านเมืองพยาก (สำเนียงไทขึน เรียกว่า เมืองเพี๊ยก หรือเมืองแพรก)
ค่าธรรมเนียม  10 บาท พร้อมเช็คเอกสารจากไกด์
ค่าอัดฉีดรถยนต์    10 บาท

จุดที่ 4 คือ ด่านเมืองเชียงตุง  20 บาทไทย พร้อมเช็คเอกสารจากไกด์
ค่าอัดฉีดรถยนต์    10 บาทไทย
ทุกด่านจะมีค่าตาชั่งรถยนต์ อีก 5 บาท

ต้องมีไกด์ประจำทริป
          การจ้างไกด์นี่เป็นกฎหมาย (เริ่มใช้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552) ว่านักท่องเที่ยวจะต้องมีไกด์คนพม่านำเที่ยวด้วยทุกครั้ง ทุกด่าน พร้อมค่าธรรมเนียม 1,000 บาทต่อวัน ค่าธรรมเนียมนั้น จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือไกด์ 600 บาท รัฐบาล 400 บาท

หน้าที่คล้ายกัน
Keng Tung 2013
ตำนานเมืองเชียงตุง
รู้จักเส้นทางเศรษฐกิจสายอาเซียน GMS Economic Corridors


วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภูกระดึง ภูรูปหัวใจในเดือนแห่งความรัก



1. จุดเริ่มต้นและบทพิสูจน์
          เป็นก้าวแรกของการเดินทางชมธรรมชาติ เป็นระยะทางที่ต้องเดินพิสูจน์ความอดทน เป็นครั้งแรกที่จะตัดสินว่ารักภูแห่งนี้และไม่มีวันเบื่อที่จะมาอีกครั้ง หรือจะไม่กลับมาอีกเลย แต่สำหรับผมไม่มีคำว่าเบื่อที่จะกลับมาอีกครั้ง ครั้งเล่าที่มาเยือน หลายคนก็หลงรักภูแห่งนี้เช่นเดียวกับผม ภูรูปหัวใจแห่งนี้ คือหัวใจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีเสนห์ตราตรึงจนไม่อาจจะลืมได้เลย


          ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมผมถึงยังอยากไปซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มีภาพติดตาในหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น บรรยากาศที่พิเศษไม่เหมือนพื้นดินเบื้องล่างมีพรรณแมกไม้แปลกตา อากาศเย็นสบาย มีทรายละเอียดเหมือนชายหาด มีทะเลหมอก มีตะวันตกดินที่สวยตราตรึง มีสัตว์ป่า มีต้นไม้ชนิดเดียวกับแถบยุโรป มีน้ำตกหลายแห่ง เป็นต้นลำน้ำพอง มีความเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบเฉียบพลันหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน จากปกติเข้าสู่หนาวจนไม่กล้าอาบน้ำ ทั้งๆ ที่ตอนกลางวันอยากอาบน้ำมาก


ธรณีสัณฐาน และลักษณะเส้นทางเดินขึ้นภูกระดึง
ที่ตั้ง     จังหวัดเลย
พื้นที่     217,576.25 ไร่ (348.12 ตร.กม.)
สถาปนา     23 พฤศจิกายน 250
มีความสูงอยู่ระหว่าง 400-1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล 

ผานกเค้าเมื่อถึงที่นี่...ก็คือสัญญลักษณ์ที่บอกว่าถึงเขตภูกระดึงแล้ว อย่าลืมแวะไปซื้อมะพร้าวแก้วเลิศรสร้านเจ๊กิม


ความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญในการเดินทางครั้งนี้
          ด้านสุขภาพ ควรต้องมีการฟิตซ้อมร่างกายเพื่อให้กล้ามเนื้อรับได้กับการเดินระยะทางไกลประมาณ 40 กิโลเมตร ในเวลา 2 วันได้ เพราะฉะนั้นควรออกกำลังกายโดยการวิ่ง ด้านการเตรียมยา คลายกล้ามเนื้อ นีโอฟีแน็ค ยาแก้ปวดเส้นเอ็น ยาพารา ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ท้องอืดท้อเฟ้อ การเดินขึ้นภูต้องใช้เวลา 4 - 8 ชั่วโมง แล้วแต่ความฟิตหรือบางคนเสพบรรยากาศข้างทางจนเพลินก็จะถึงช้าหน่อย แต่การเดินระยะไกลขนาดนี้วิธีที่ดีที่สุดคือการถนอมตัวเองไม่ให้บาดเจ็บไปเสียก่อนรวมถึงการประหยัดพลังเผื่อวันเดินกลับด้วยครับ
          ระหว่างทาง นับตั้งแต่เริ่มก้าวผ่านประตูอุทยานเข้าสู่ภูกระดึงจุดแรกสุดเป็นเส้นทางวัดใจซึ่งเป็นเนินชัน 800 เมตร ชื่อว่า ซำแฮก ซึ่งก็แฮกจริงอย่างชื่อเรียกเมื่อขึ้นถึงซำนี้แล้วอาจต้องถามตัวเองซ้ำว่าเราจะไปต่อจริงหรือ หรือว่าจะกลับดี ซำนี้เป็นซ้ำแรกที่มีจุดขายของกิน ทั้งส้มตำ ข้าวปลา น้ำดื่มเย็น น้ำเกลือแร่ยี่ห้อต่างๆ ของใช้ให้บริการรวมถึงห้องน้ำเป็นการชาร์ตพลัง เดินชมบริเวณจุดชมวิวเห็นวิวตัวเมืองไกล ๆ ถ่ายรูปคู่กับป้าย ดูป้ายซ้ำถัดไปจากนั้นก็เดินทางต่อสู่ บทถัดไปซึ่งไม่ชันมากนัก

วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

พลเอกกิตติ รัตนฉายา ถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา



...พลเอกกิตติ รัตนฉายา ( Kitti Ratanachaya ) อดีตแม่ทัพภาค 4 เจ้าของนโยบายใต้ร่มเย็นผู้สงบศึกภาคใต้มาแล้ว ส่งสารร่ายยาวถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก

...ถ้า ผมเป็น ประยุทธ์ จันทร์โอชา
.....ในสถานการณ์ ปัจจุบันนี้ ซึ่งประชาชนทุกคนรับรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น มีกองกำลังก่อการร้าย ที่หลายๆคนก็รู้ว่า เป็นฝ่ายใครพวกไหน ใช้กำลังใช้อาวุธสงคราม มายิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ ยิงเด็กตาย ขว้างปาระเบิดอย่างกับ เป็นแดนมิคสัญยี
...ในสถานการณ์ ซึ่งกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้บังคับใช้กฎหมาย อย่างตำรวจ ไม่ทำงาน และเอนเอียงแบ่งข้างโดยชัดเจนมาก เห็นง่ายๆจากกรณีที่ หลักฐานของคนปาระเบิด ที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เห็นภาพชัด มือยิงสุทินที่วัดศรีเอี่ยม เห็นชัด แต่ไม่เคยจับได้ แต่คนยิงขวัญชัย ไม่เห็นแม้แต่ปลายเส้นผม กลับจับกุมได้ในเวลารวดเร็ว

เวลาชีวิตเดินช้าลง...ที่เกาะพยาม จ. ระนอง



 “คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ำแร่ มุกแท้เมืองระนอง” หลายคนตามแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัดจากคำขวัญประจำจังหวัดเพราะสิ่งที่ถูกยกมาเป็นคำขวัญได้ต้องมีความพิเศษเฉพาะตัว
          หลังจากอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนจากธรรมชาติพรรั้งแล้ว เราก็อยากเติมเต็มด้วยการเที่ยวทะเลหาดทรายละเอียดสวยน้ำใสกันต่อ แต่ทะเลที่ไหนจะสวยพอที่จะหยุดเวลาชีวิตให้ช้าลง หลบลี้พาชีวิตสู่ธรรมชาติสันโดษสงบ  ที่ไหนจะตอบโจทย์ได้ทั้งหมดถ้าตอนนี้อยู่ที่ตัวเมืองระนอง “เกาะพยาม” เกาะแห่งนี้กระซิบบอกเบาๆ ให้ไปพิสูจน์ว่าที่นี่แหละพร้อมจะมอบสิ่งที่คุณต้องการ
           ระนองมีเกาะขนาดใหญ่คือเกาะช้าง และห่างมาทางใต้ 4 กิโลเมตร มีเกาะรองลงมาก็คือ เกาะพยาม นับระยะทางจากท่าเรือ 30 กิโลเมตร ที่นี่ยังคงความสวยงามแบบธรรมชาติดั้งเดิม ความเจริญมาบุกรุกน้อยยังมีความเป็นป่า มีสัตว์ป่าเช่น นก ลิง หมูป่า มีอ่าวหลัก ๆ คือ อ่าวไผ่ อ่าวแม่หม้าย อ่าวใหญ่ อ่าวเขาควาย อ่าวกวางปีบ แต่ถึงแม้ว่าที่นี่ยังไม่ค่อยเจริญแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งอินเตอร์เน็ต 3G, Wifi ให้บริการสำหรับคนที่อยากอัพภาพสวย ๆ สู่โซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือเช็คอินให้เพื่อนๆ  อิจฉาว่ากำลังอยู่มัลดีฟเมืองไทย ยามค่ำคืนยังมีสิ่งบันเทิงเริงใจให้บริการแถบชายหาดอ่าวใหญ่เป็นเครื่องดื่มหลายๆ แบบตามแต่จะเร้าอารมณ์แบบไหน
         ที่พักบนเกาะพยามมีพร้อมต้นรับนักท่องเที่ยวในหลายระดับราคาเริ่มต้น 200-600 ถ้าติดทะเลก็ขยับขึ้นมาที่ 800-1,500  และแบบหรูก็ 8,000 มีทั้งแบบติดแอร์และแอร์ธรรมชาติ นี่เป็นอีกอย่างที่บ่งชี้ให้เห็นว่าความเจริญยังเข้ามาไม่มากยังมีความสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนแบบไม่วุ่นวาย จึงเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการความสงบเป็นส่วนตัว การเดินทางบนเกาะมีรถมอเตอร์ไซด์และจักรยานให้เช่า มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างให้บริการ บนถนนคอนกรีต แต่ไม่มีรถยนต์มีเพียงรถอีแต๊กขนส่ง
         การเดินทางไปเกาะ จากท่าเรือเกาะพยาม เริ่มต้นที่ ท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ จ. ระนอง ที่ช่วงเช้าคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีเรือให้เลือกใช้บริการกัน 2 แบบ 2 ราคา แบบช้าหวานเย็น หรือแบบเร็วทันใจ
Speed Boat ให้บริการในเวลา  9.00 น. และ 13.00 น. ราคา 350 บาท ต่อคน ใช้เวลาเดินทาง 30-45 นาที มีความคล่องตัวสูงวิ่งด้วยความเร็วปรี๊ด
Slow Boat เรือประมงดัดแปลง ให้บริการเที่ยวแรก 10.00 น หรือ 11.30 น. ต้องดูสภาพน้ำขึ้นน้ำลง ถ้าน้ำลงเรือจะออกช้ากว่าปกติเพราะออกจากท่าไม่ได้ ค่าบริการ 250 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง ถ้าไม่เร่งรีบอยากดื่มด่ำกับทะเลและการเดินทางหลับไปบ้างตื่นมาดูความงามของทะเลบ้าง แต่ทั้งสองแบบแนะนำให้ไปถึงท่าเรืออย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
        ที่พักบนเกาะพยามมีพร้อมต้นรับนักท่องเที่ยวในหลายระดับราคาเริ่มต้น 200 - 600 ถ้าติดทะเลก็ขยับขึ้นมาที่ 800-1,500  และแบบหรูก็ 8,000 มีทั้งแบบติดแอร์และแอร์ธรรมชาติ
        นี่เป็นอีกอย่างที่บ่งชี้ให้เห็นว่าความเจริญยังเข้ามาไม่มากยังมีความสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนแบบไม่วุ่นวาย จึงเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการความสงบเป็นส่วนตัว การเดินทางบนเกาะมีรถมอเตอร์ไซด์และจักรยานให้เช่า มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างให้บริการ บนถนนคอนกรีต แต่ไม่มีรถยนต์มีเพียงรถอีแต๊กขนส่ง ที่นี่ไม่ได้มีจุดท่องเที่ยวหลากหลายจนเหลือเฟือ  แต่มีพองามให้เราจดจ่อดื่มด่ำ เปรียบความงามดั่งสาววัยสดใสเดียงสาบริสุทธิ์หน้าตาดีแบบโดยธรรมชาติ ปราศจากเครื่องสำอางค์แต่งแต้ม
ภาพและบทความโดย xsci
ท่าเรือเกาะพยาม สปีดโบ๊ทเริ่มเดินทางเที่ยวแรก 9.50 น. เที่ยวสุดท้าย 1.00 น. ขากลับเที่ยวสุดท้ายหมด 17.00 น.

ท่าเรือที่ยังติดโคลนเกยตื้นเพราะน้ำลง ถ้าน้ำลงแบบนี้ประมาณ 11.30 น. ถึง 12.00 น. น้ำถึงมากพอที่เรือจะออกได้