การขจัดทุกข์ด้วยตนเอง
คู่มือดูแลตนเอง ทำอย่างไรเมื่อใจเป็นทุกข์/ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข หน้า 9-17
การขจัดทุกข์ด้วยตนเอง
เมื่อ
เกิดทุกข์มากๆ
ผลที่ตามมาไม่ได้มีต่อจิตใจหรืออารมณ์ตามที่ได้กล่าวมาแล้วเท่านั้น
แต่จะมีผลกระทบต่อร่างกายและความเป็นอยู่ทุกอย่างของเราด้วย เช่น
คนส่วนใหญ่จะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือบางคนอาจจะกินมากขึ้น นอนมากกว่าปกติ
ไม่อยากพูดกับใคร ไม่อยากทำงาน
หรือทำงานไม่ได้เพราะจิตใจว้าวุ่นถ้าเรารู้สึกว่าทุกข์มาก กลุ้มมาก
ควรจะขจัดออกไปให้เร็วและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
ต้องยอมรับว่าเรามีความทุกข์ต้องรีบแก้ไข
หา
สาเหตุของความทุกข์นั้น ว่าเราทุกข์เรื่องอะไร ใครที่ทำให้เราทุกข์
และตัวเรามีส่วนทำให้เกิดความทุกข์เองด้วยหรือไม่ เช่น คนรักทิ้งเราไป
ตัวเขาเป็นสาเหตุให้เราทุกข์ใจ แต่อาจมีสาเหตุมาจากเราด้วยหรือไม่
เป็นต้นว่า เราดูแลเขาดีพอหรือเปล่า
เราทำให้เขาไม่เห็นคุณค่าในตัวเราหรือไม่
หรือเราให้ความสำคัญต่อเขามากกว่าตัวเราหรือเปล่าจนทำให้เรารู้สึกแย่
หมดคุณค่าเมื่อเขาทิ้งเราไปทั้งๆ ที่เราก็ยังมีอะไรดีๆ อีกหลายอย่าง
ระบาย
ความทุกข์
โดยพูดคุยกับเพื่อนสนิทหรือญาติผู้ใหญ่ที่รับฟังเราไม่ต้องกลัวเขาจะหาว่า
เราอ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง
ถ้าเราไม่ได้ระบายความทุกข์ออกบ้างต้องเก็บไว้คนเดียวเราจะรู้สึกอึดอัด
แต่ถ้าได้พูดให้ใครฟังบ้างเรื่องความทุกข์นั้น
จะรบกวนความรู้สึกนึกคิดของเราน้อยลง
จะทำให้เรามองเห็นทางที่จะแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น เรื่องอะไร
เราจะเก็บความทุกข์เอาไว้คนเดียว
หากิจกรรมทำเพื่อให้เหนื่อยและ
เป็นการดึงความคิดเกี่ยวกับความทุกข์ออกไปจากตนเองและช่วยให้หลุดพ้นจาก
วังวนความคิดด้วยตนเอง ถ้ามีงานทำอยู่แล้วก็ควรทุ่มเทกับงานให้มาก เช่น
ทำงานบ้าน ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬา หรือออกกำลังกาย
ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เช่น เปลี่ยนจากสถานที่ที่จำเจชั่วคราวเพื่อช่วยให้รู้สึกสบายใจ
หา
คนสนับสนุนอาจจะเป็นการยากลำบากสักหน่อยในการกลับเข้าไปหากลุ่มเพื่อนเพราะ
เรากลัวว่าเขาจะรู้เรื่องของเรา กลัวเขาประณาม
กลัวถูกว่าเราแปลกไปจากเดิมแต่ถ้าเราสามารถเข้ากลุ่มเพื่อนได้เราจะรู้สึก
ว่ากลุ่มสามารถช่วยทำให้จิตใจเราดีขึ้นและอาจจะช่วยเราแก้ปัญหาได้ด้วย
เมื่อ
เราพยายามช่วยตัวเองด้วย วิธีการต่างๆ แล้ว
ยังรู้สึกไม่ดีขึ้นหรือทนความทุกข์ไม่ได้
ก็ควรจะไปพบผู้ที่มีความรู้ที่สามารถให้การช่วยเหลือเราได้ที่สถานบริการ
สาธารณสุขต่างๆ ที่ใกล้บ้าน เช่น สถานีอนามัย โรงพยาบาล หรือหน่วยงานที่ให้
จงละเว้นการแก้ปัญหาแบบต่างๆ ต่อไปนี้
อย่า
แก้ปัญหาแบบวู่วามใช้อารมณ์เป็นใหญ่
เมื่อเจอปัญหาให้พยายามสงบสติอารมณ์อย่างเพิ่งเอะอะโวยวาย ให้หายใจช้าๆ
ลึกๆ สัก 4-5 ครั้ง หรือนับ 1-10 ก่อนจะตอบโต้อะไรออกไป
จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังกับสิ่งที่ได้ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
อย่าหนีปัญหา แล้วหันเข้าหาบุหรี่ สุรา สารเสพติด การพนัน การเที่ยวกลางคืน ฯลฯ เพื่อช่วยให้สบายใจขึ้นชั่วคราว
จง
กล้าเผชิญปัญหา และอย่าผัดวันประกันพรุ่ง รีบแก้ปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ
อย่าปล่อยให้ค้างคาอยู่เป็นเวลานาน เพราะความเครียดจะสะสมมากขึ้นด้วย
อย่า คิดแต่จะพึ่งพาผู้อื่นอยู่ร่ำไป
จง
ถือคติ ?ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน? หัดใช้ความสามารถของตัวเองบ้าง
แล้วจะเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองแต่ถ้าปัญหานั้นเหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ
และลองใช้ความสามารถของตัวเองแล้ว ก็ยังไม่ได้ผล
การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นก็เป็นเรื่องที่พึงทำได้
อย่า เอาแต่ลงโทษตัวเอง
คน
เราทำผิดกันได้ ถ้าพลาดไปแล้ว
จงให้โอกาสตัวเองที่แก้ไขและอย่าได้ทำผิดในเรื่องเดิมซ้ำอีก
การเฝ้าคิดลงโทษตัวเองไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา และไม่ได้อะไรขึ้นมา
นอกจากความทุกข์ใจเท่านั้น
อย่า โยนความผิดให้คนอื่น
จง
รับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำร่วมกัน การปฏิเสธไม่ยอมรับผิดชอบ
โดยโยนความผิดให้คนอื่น ไม่ช่วยแก้ปัญหา
มีแต่จะก่อความแตกแยกให้มากขึ้นเท่านั้น
จงแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ใช้เหตุผลและใช้ความคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน โดย
คิดหาสาเหตุของปัญหาด้วยใจเป็นธรรม ไม่เข้าข้างตัวเองไม่โทษคนอื่น
คิด
หาวิธีแก้ปัญหาหลายๆ วิธี
ถ้าคิดเองไม่ออกอาจปรึกษาผู้ใกล้ชิดหรือผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า
ลงมือแก้ปัญหาตามวิธีที่คิดไว้ อาจต้องใช้ความกล้าหาญ อดทน
หรือต้องใช้เวลาบ้างอย่าได้ท้อถอยไปเสียก่อน
ประเมินผลดูว่าวิธีที่ใช้ได้ผลหรือไม่ ถ้าไม่ได้ผลก็เปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นๆ
ที่เตรียมไว้จนกว่าจะได้ผล
แก้ปัญหาได้ก็หายทุกข์
สาเหตุของความทุกข์ใจมาจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตระดับของความทุกข์ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของปัญหา
ในช่วงที่ยังแก้ปัญหาไม่ได้ จะรู้สึกเครียดมากทุกข์มาก
เมื่อแก้ปัญหาได้แล้ว ความเครียด ความทุกข์ใจ ก็จะหมดไป
เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น
คิดอย่างไรไม่ให้ทุกข์
ความคิด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คนเราเกิดความทุกข์ยิ่งคิดมากก็ทุกข์มาก หากรู้จักคิดให้เป็นก็จะช่วยให้ลดความทุกข์ไปได้มาก
วิธีคิดที่เหมาะสม ได้แก่
1. คิดในแง่ยืดหยุ่นให้มาก
อย่า
เอาแต่เข้มงวด จับผิด หรือตัดสินผิดถูกตัวเองและผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
จงละวาง ผ่อนหนัก ผ่อนเบา ลดทิฐิมานะ รู้จักให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเคือง
หัดลืมเสียบ้าง ชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น
2. คิดอย่างมีเหตุผล
อย่า
ด่วนเชื่ออะไรง่ายๆ แล้วเก็บเอามาคิดวิตกกังวล
ให้พยายามใช้เหตุผลตรวจสอบหาข้อเท็จจริง
ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนนอกจากจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อให้ใครหลอกได้ง่ายๆ
แล้วยังตัดความกังวลได้ด้วย
3. คิดหลายๆ แง่มุม
ลอง
คิดหลายๆ ด้าน ทั้งด้านดี และด้านไม่ดี
เพราะไม่ว่าคนหรือไม่ว่าเหตุการณ์อะไรก็ตามย่อมมีทั้งส่วนดี
และไม่ดีประกอบกันทั้งนั้นอย่ามองเพียงด้านเดียวให้ใจเป็นทุกข์
นอกจากนี้ควรหัดคิดในมุมของคนอื่นบ้าง เช่น
สามีจะคิดอย่างไรลูกจะรู้สึกอย่างไร เจ้านายจะแก้ปัญหานี้อย่างไรเป็นต้น
จะช่วยให้มองอะไรได้กว้างไกลกว่าเดิม
4. คิดแต่เรื่องดีๆ
ถ้า
คอยคิดถึงแต่เรื่องร้ายๆ เรื่องความล้มเหลว
ผิดหวังหรือเรื่องไม่เป็นสุขทั้งหลายก็ยิ่งทุกข์ไปใหญ่ ควรคิดถึงเรื่องดีๆ
ให้มากขึ้น เช่นคิดถึงประสบการณ์ที่เป็นสุขในอดีต
ความสำเร็จในชีวิตที่ผ่านมา คำชมเชยที่ได้รับ ความดีของคู่สมรส
ความมีน้ำใจของเพื่อน ฯลฯ จะช่วยให้สบายใจมากขึ้น
5. คิดถึงคนอื่นบ้าง
อย่า
คิดหมกมุ่นอยู่กับตัวเองเท่านั้น เปิดใจให้กว้าง
รับรู้ความเป็นไปของคนใกล้ชิด และใส่ใจที่จะช่วยเหลือ
สนใจปัญหาของผู้คนในสังคมบ้างบางทีคุณอาจจะพบว่าปัญหาที่คุณกำลังเป็นทุกข์
อยู่นี้ ช่างเล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับปัญหาของคนอื่นๆ
คุณจะรู้สึกดีขึ้น และยิ่งถ้าคุณช่วยเหลือคนอื่นได้
คุณจะสุขใจขึ้นเป็นทวีคูณด้วย
*******************************************
ที่มาของข้อมูล: จาก จากคู่มือดูแลตนเอง เรื่อง ทำอย่างไรเมื่อใจเป็นทุกข์ หน้า 9-17 โดย. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น